กอ.รมน. 4 แจงผลการพิสูจน์เบื้องต้นพบว่า การตายของผู้ต้องหาป่วนใต้ ไม่พบเหตุผิดธรรมชาติ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.12.08
TH-WIFE-AbdullayiDorloh-1000 นางกูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยาผู้เสียชีวิตในระหว่างการให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ เมื่อ 7 ธันวาคม 2558
เบนาร์นิวส์

แก้ไขข้อมูลเวลา 10:57 a.m. ET 2015-12-09

ในวันอังคาร (8 ธ.ค. 2558) นี้ พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. 4 ส่วนหน้า) ได้อ่านผลการชันสูตรศพผู้ถูกควบคุม ในคดีความมั่นคงโดยโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลาในเบื้องต้น ในระหว่างการแถลงข่าว กล่าวโดยสรุปได้ว่า ไม่พบว่าเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ แต่ยังต้องมีการตรวจสอบดีเอ็นเอของคราบเลือด ที่พบบนบริเวณอกของศพให้แน่ใจว่าเป็นของใคร รวมทั้ง การตรวจหาสารพิษในร่างกายอีกด้วย

พ.อ. ปราโมทย์ กล่าวโดยสรุปว่า ไม่มีร่องรอยทำให้เกิดหัวใจวายหรือการได้รับสารพิษ การอุดปาก การรัดคอ การกระแทกที่ศีรษะ ส่วนการตรวสอบสารพิษนั้นจะทำได้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ ส่วนการตรวจดีเอ็นเอ จะแล้วเสร็จภายในเวลาหนึ่งเดือน

“จากการตรวจดวงตา ถ้ามีการคั่งของเลือด จะบอกได้ว่าผู้ตายมีโรคหัวใจหรือหัวใจวาย ซึ่งก็สามารถเป็นไปได้ การตรวจรูม่านตา ถ้ามีการขยายของรูม่านตาเล็กกว่า 3 มม. จะบ่งบอกว่าได้รับสารพิษแต่ของนายอับดุลลายิ ดอเลาะ มีขนาด 5 มม. ซึ่งถือว่าปกติ ไม่ได้รับสารพิษใด ๆ” พ.อ. ปราโมทย์ กล่าว

ทางด้านนางกูรอสเมาะ ตูแวบือซา อายุ 34 ปี ภรรยาของนายอับดุลลายิ ดอเลาะ อายุ 42 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง ได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในการสอบถามทางโทรศัพท์ว่า ตนเองได้รับทราบผลการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตของสามีในเบื้องต้น จากทางโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์แล้วเช่นกัน ซึ่งผลออกมาในแนวทางที่ทหารคาดการณ์ว่าเป็นเหตุการเสียชีวิตตามปกติ โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ

"ข้อมูลที่ทหารชี้แจง เป็นข้อมูลเหมือนกับที่ได้รับตามที่แพทย์บอกเบื้องต้น แต่ดูเหมือนการคาดการณ์ของทหารจะไปในเชิงว่าตายปกติ" นางกูรอสเมาะ ตูแวบือซา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ทั้งนี้ (กอ.รมน. 4 ส่วนหน้า) ได้แจ้งให้ญาติของนายอับดุลลายิ ดอเลาะ อายุ 42 ปี ที่ถูกควบคุมตัวมาจากอำเภอหนองจิก โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก และ พรก. ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ได้รับทราบว่า ในตอนก่อนรุ่งเช้าของวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคมนี้ นายอับดุลลายิ นอนเสียชีวิตบนพรมละหมาด ภายในห้องควบคุมในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในสภาพนุ่งผ้าโสร่งแต่ไม่ได้สวมเสื้อ

พร้อมกับได้แจ้งให้คณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ผู้แทนทนายความ  แพทย์จากโรงพยาบาลหนองจิก  เอ็นจีโอ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจหนองจิก มาร่วมเป็นพยานในการรับศพไปเพื่อการชันสูตรที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จากนั้น ญาติได้นำศพนายอับดุลลายิไปประกอบพิธีทางศาสนาในคืนวันศุกร์เรียบร้อยแล้ว

ในวันนี้ พันเอกปราโมทย์ ได้อ่านเอกสาร ผลการพิสูจน์สาเหตุการตายของนายอับดุลลายิ โดยแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ดังนี้ว่า

1. จากการตรวจดวงตา ถ้ามีการคั่งของเลือด จะบอกได้ว่าผู้ตายมีโรคหัวใจหรือหัวใจวาย ซึ่งก็สามารถเป็นไปได้ การตรวจรูม่านตา ถ้ามีการขยายของรูม่านตาเล็กกว่า 3 มม. จะบ่งบอกว่าได้รับสารพิษ แต่ของนายอับดุลลายิ ดอเลาะ มีขนาด 5 มม. ซึ่งถือว่าปกติ ไม่ได้รับสารพิษใด ๆ

2. แพทย์ได้ตั้งคำถามว่ามีการอุดปาก เพื่อทำให้ขาดอากาศหายใจหรือไม่ ผลการตรวจก็ไม่มีปรากฏบาดแผลใด ๆ เนื่องจากถ้าโดนกระทำในลักษณะนี้ จะเกิดการต่อสู้ จะทำให้เกิดบาดแผลขึ้นตามร่างกาย และบริเวณริมฝีปาก

3. การตรวจบริเวณรอบลำคอ เพื่อดูว่ามีการรัดคอหรือไม่ ผลการตรวจไม่มีปรากฏร่องรอย

4. บริเวณทรวงอก ถ้าไม่มองให้ชัดเจน จะไม่เห็น แต่เมื่อตรวจอย่างละเอียดพบรอยเป็นคราบสีแดง ซึ่งแพทย์ได้นำไปตรวจดีเอ็นเอเพิ่มเติมต่อไป

5. ตรวจบริเวณลำคอ โดยใช้ทฤษฎีทางการแพทย์คือ กดจาง กดไม่จาง คือถ้ากดแล้วจาง จะไม่ใช่รอยช้ำ สรุปผลการตรวจ คือกดแล้วจาง จึงไม่พบว่ามีรอยช้ำ

6. การตรวจร่างกายซีกขวา ผลการตรวจปกติ แต่จะพบคราบเลือดเล็กน้อย แพทย์ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจดีเอ็นเอต่อไป พบรอยผิวหนังถลอกประมาณ 1 ซม. ที่บริเวณข้อศอกขวา คาดว่าน่าจะเกิดตอนเคลื่อนย้ายศพของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เตรียมนำส่งมายังโรงพยาบาล ม.อ. ส่วนของนิ้วมือขวาจมูกเล็บด้านข้าง มีรอยแดง ๆ อยู่นอกเล็บ เช็ดถูไม่ออกซึ่งไม่ใช่คราบเลือด น่าจะเกิดจากการประกอบอาชีพเช่นเดียวกับมือข้างซ้าย ที่สำคัญได้ตรวจ บริเวณชายโครงขวาพบรอยแผลเป็น ซึ่งจากการที่แพทย์ได้สอบถามญาติ และญาติให้ข้อมูลว่า เคยมีประวัติการรักษาโรคของแพทย์ด้วยการเจาะปอด แต่ขั้นนี้แพทย์ผู้ชันสูตรไม่ได้ซักประวัติการรักษา จึงสรุปโดยรวมว่าร่างกายปกติ

7. จากการตรวจเฉพาะที่บริเวณศีรษะ ไม่ปรากฏร่องรอยฟกช้ำ การทำร้ายร่างกาย หรือการกระทบกับของแข็งใด ๆ เช่นกัน จึงมีสภาพปกติ

8. รอยปื้นแดงด้านหลังที่ปรากฏ เป็นการตกสู่เบื้องต่ำของเลือดเป็นปกติทั่วไป

9. ผลการเอกซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ปรากฏร่องรอยการแตกหักของกระดูกแต่อย่างใด แต่แขนซ้ายมีร่องรอยเหมือนมีโลหะฝังใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าผู้เสียชีวิตเคยประสบอุบัติเหตุ ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชันสูตรจะทำการปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญทางด้านรังสีเทคนิค เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

10. ผลการตรวจหาสารพันธุกรรม จะทราบผลประมาณ 1 เดือน และการตรวจหาสารพิษในร่างกายเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์

เมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 7 ธ.ค. 2558) ก่อนผลชันสูตรออกมา นาง กูรอสเมาะ ตูแวบือซา กล่าวให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ เพิ่มเติมถึงสามี นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ก่อนเสียชีวิตว่า "วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พอเวลา 03.00 น. เขาก็เอาสามีไป บอกว่ามีคนซัดทอดว่าเป็นผู้ต้องสงสัย หลังจากนั้น ก็ไปเยี่ยมเขาทุกวัน พอมาวันที่ 2 และวันที่ 3 สามีบอกว่า เหนื่อยไม่ไหว กลัวมากเลย ก็รู้สึกตกใจ พยายามเอามือจะเปิดเสื้อ สามีปัดมือ"

"เขาบอกว่าเจ้าหน้าที่เอาเอกสารอะไรไม่รู้ เยอะมาก พยายามให้เซ็น แต่เขาไม่เซ็นเลย และเขายังบอกอีกว่า ปกติทุกวัน เจ้าหน้าที่ชอบเรียกสอบถาม เวลาดึกๆ ตี 1 ถึงเช้าบ้าง บางวันก็ เริ่มเที่ยงคืน ถึง 10 โมงเช้าของอีกวัน ก็ยังไม่เสร็จ สามีบอกว่า คนที่อยู่ข้างในไม่ได้นอน ต้องมาพูด มาตอบคำถาม ในเวลานอน ทุกคนถูกทำแบบนั้นหมด รวมถึงเขาด้วย"

นาง กูรอสเมาะ กล่าวต่อไปว่า “มั่นใจว่า เขาไม่ได้ตายปกติ มีคนทำให้เขาตาย" "สิ่งที่ต้องการตอนนี้ อยากขอให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับเรา อยากขอให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และที่ไว้ใจได้”

ตามข้อมูลจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นับตั้งแต่ปี 2550 ถึง ล่าสุด 2558 มีผู้เสียชีวิตที่อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่รวม จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1. นายอัสฮารี สะมะแอ เสียชีวิต เมื่อ 22 กรกฎาคม 2550 2. นายสุไลมาน แนซา เสียชีวิตในลักษณะผูกคอตาย เมื่อ 29 พฤษภาคม 2553 3. นายยะพา กาเซ็ง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2551 4. พลทหารวิเชียร เผือกสม เสียชีวิตเมื่อ 5 มิถุนายน 2554 และรายล่าสุด รายที่ 5. นายอับดุลลายิ ดอเลาะ

* นาง กูรอสเมาะ ตูแวบือซา กล่าวให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ ก่อนผลชันสูตรสาเหตุการตายออกมา
ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง