ประยุทธ์ไม่อนุญาตให้ “สม รังสี” ใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้าเขมร

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.11.06
กรุงเทพฯ
191106-TH-cambodia-sam-rainsy-623.jpg นายสม รังสี นักการเมืองฝ่ายค้านของกัมพูชา พูดกับสมาชิกคณะผู้แทนของเขา หน้ารัฐสภายุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562
เอพี

ในวันพุธนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธการขอเดินทางเข้าประเทศไทยของ นายสม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา โดยนายกฯ ระบุว่า จะไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านมาใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหว

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นายสม รังสี รักษาการหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา และอดีตผู้นำฝ่ายค้านของประเทศกัมพูชา ได้ส่งจดหมายผ่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขอเดินทางมายังประเทศไทยโดยสายการบินไทย ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเดินทางผ่านเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ที่ตำบลปอยเปต ชายแดนติดกับจังหวัดสระแก้ว ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 โดยมีจุดประสงค์จะกลับไปเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสันติวิธี

พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ประเทศไทยจะไม่สามารถยินยอมให้นายสมเข้าประเทศได้ เนื่องจากไม่ต้องการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน

“ตามมติของอาเซียน เราจะไม่ยุ่งกิจการภายในซึ่งกันและกัน และเราจะไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านรัฐบาลมาใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นพื้นที่ในการเคลื่อนไหว เรื่องนี้ผมได้สั่งการไปแล้ว ก็คงไม่ได้เข้ามาครับ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

โดย นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งกับนายสม เพราะเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลสองประเทศ

“จะต้องไปแจ้งเขาทำไม เขาไม่ได้เป็นรัฐบาลจะไปคุยกับใครได้ เราคุยแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้าน นายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุถึงกรณีเดียวกันว่า รัฐบาลไม่ประสงค์จะให้คนจากประเทศอื่นใช้ไทย เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมือง

“สิ่งที่รับรู้กันอยู่ในแง่ของพื้นฐานก็คือ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศที่เป็นมิตรด้วย เราก็รับรู้ว่า ไม่อยากให้บ้านเรา หรือบ้านใคร เป็นจุดของการมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง อันนี้เป็นที่รับรู้กันมานาน ฉะนั้นถ้าหากมาลักษณะนั้นก็คงไม่เป็นที่ปรารถณา… เจ้าตัวควรจะรู้เหมือนกันว่า การเดินทางเข้าประเทศหรือเดินทางมา แล้วมีการเคลื่อนไหวเนี่ย มันมีความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม ก็หวังว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า” นายดอน กล่าว

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ปัจจุบัน ​ที่พรมแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องอานม้า จ.พระวิหาร ตรงข้าม อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และ ด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาได้ปิดหมายจับ นายสม และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา อีก 8 คนแล้ว หลังจากนายสมประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเองว่า จะเดินทางกลับไปเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศกัมพูชา โดยผ่านประเทศไทย

นายสม รังสี เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้นำฝ่ายค้าน และศัตรูทางการเมืองกับนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี นายสม ถูกดำเนินคดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเมือง และต้องหนีออกนอกประเทศหลายครั้ง

กระทั่งครั้งล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 นายสมได้หนีออกนอกประเทศ หลังจากถูกกล่าวหาในคดีหมิ่นประมาท และยุยงปลุกปั่น และต่อมาเขาถูกฟ้องร้อง และพิพากษาลับหลังจากความผิดในหลายข้อหา ขณะที่นายสมเองอ้างว่า การถูกดำเนินคดีต่างๆของเขา คือการกลั่นแกล้งทางการเมือง

เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2562 นายสม ประกาศว่า เขาจะเดินทางกลับมาฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศกัมพูชา โดยจะเดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านไทย และชักชวนให้แรงงานกัมพูชาในเมืองไทยเดินขบวนร่วมกับตนเองไปยังกรุงพนมเปญ ทั้งยังได้โพสต์รูปบัตรโดยสารเครื่องบิน ซึ่งมีต้นทางจากฝรั่งเศส มุ่งหน้ามายังประเทศไทย ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ด้วย

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 เจ้าหน้าที่ทางการไทย ได้เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์ว่า นายสม และ นางมู ซอชู รองหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา พร้อมพวกรวม 8 คน ถูกขึ้นบัญชีดำของประเทศไทย ตามคำขอของรัฐบาลกัมพูชา ที่ขอให้ถึงขั้นจับกุมตัว ซึ่งต่อมาวันที่ 22 ตุลาคม 2562 สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรี รายงานว่า นางมู ได้เดินทางจากประเทศมาเลเซีย มายังประเทศไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไทยผลักดันออกนอกประเทศ เนื่องจากเชื่อว่า หากยินยอมให้นางมู เดินทางเข้าประเทศจะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม และกระทบความมั่นคงของรัฐ ทำให้ปัจจุบัน นางมู ต้องไปพำนักอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย

ในวันนี้ นางมู ซึ่งถือหนังสือเดินทางอเมริกัน ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ในอินโดนีเซีย ว่า ตนเองได้เตรียมการแถลงข่าวถึงการตระเตรียมการเดินทางกลับของนายสม รังสี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. นี้ แต่ถูกสั่งห้ามโดยเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา

“ก่อนหน้า การแถลงข่าวจะเริ่มขึ้นราวสิบนาที เจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชาเดินทางมาถึง และขอคุยกับฉัน แล้วกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชารอจับกุมฉันอยู่ด้านล่าง ทั้งยังยื่นเงื่อนไขว่า หากจะไม่ต้องถูกจับ ให้ยุติการแถลงข่าวและเดินทางออกจากอินโดนีเซียทันที” นางมู กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง