ประยุทธ์ เตือนกลุ่มโยงการหายตัวของ 'วันเฉลิม' เข้ากับสถาบันกษัตริย์

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2020.06.15
กรุงเทพฯ
200615-TH-KH-dissident-missing-800.jpg พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านอุปกรณ์การจราจร และอำนวยความปลอดภัยทางถนนที่ผลิตจากยางพารา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 12 มิถุนายน 2563
ทำเนียบรัฐบาล

ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนในประเด็นการหายตัวไปของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยชาวไทยที่ถูกลักพาตัวจากหน้าที่พัก ในกรุงพนมเปญ เมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งยังมีการโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า ตนเองมีความกังวลเกี่ยวกับการก้าวล่วงสถาบัน ขณะเดียวกันกล่าวว่า สงสารนายวันเฉลิม และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งการเรื่องดังกล่าว

เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563 นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ชาวจังหวัดอุบลราชธานี อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีการจับกุมในคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ในปี 2557 และ เป็นอดีตผู้ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดในคดีตามพระราชบัญญติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมฯ) ปี 2561 จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดูแลเฟซบุ๊กแฟนเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ ๆ” ซึ่งเขียนข้อความใส่ร้ายรัฐบาล โดยนายวันเฉลิมได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศลาว เมื่อปี 2557 และย้ายไปอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชาในเวลาต่อมา ก่อนจะถูกลักพาตัวโดยกลุ่มบุคคลติดอาวุธ จากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ โดยเหตุการณ์ถูกบันทึกในกล้องวงจรปิดด้วย

เหตุดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์-วิจารณ์อย่างมากมายบนอินเทอร์เน็ต และได้เกิดแฮชแท็ก #saveวันเฉลิม บนทวิตเตอร์ ที่มีผู้เขียนข้อความด้วยแฮชแท็กดังกล่าว มากกว่า 1 ล้านครั้ง มีองค์กรสิทธิมนุษยชน และองค์กรนักศึกษา-นักเรียนหลายองค์กร ประชาชน และบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนมากร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลไทย และกัมพูชา ดำเนินการตามหาตัวนายวันเฉลิม

“สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือการละเมิด การก้าวล่วงสถาบัน ก็ขอร้องทุกคนด้วย เราเป็นคนไทยก็อย่าไปเชื่อความบิดเบือน เผยแพร่ต่างๆ ที่สร้างความเกลียดชัง โยงโน่นนี่กันมา มันไม่มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว ในส่วนที่จะเกิดขึ้น เราจะเป็นเครื่องมือให้เขาทำไม อย่าไปแพร่ สิ่งที่มันเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ มันก็ต่างประเทศ มีใครจะไปกล้าทำอย่างนั้นได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระเมตตาและทรงรับสั่งให้งดใช้ มาตรา 112 ซึ่งในกรณีของนายวันเฉลิม สำนักข่าวอิศรา รายงานไว้ว่า เป็นผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูง หนึ่งใน 29 ราย ที่อาศัยในต่างแดน และถูกขึ้นบัญชีดำของรัฐบาล-คสช. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า มีเพียงข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ เท่านั้น

“สิ่งที่อยากจะบอกคนไทยทุกคนด้วยว่า วันนี้ สิ่งที่เห็นไหมเนี่ยว่า มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงพระเมตตา ไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว แล้วคุณก็ละเมิดกันไปเรื่อยเปื่อยแบบเนี้ย หมายความว่ายังไง คุณต้องการอะไรกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

ต่อคำถามว่า รัฐบาลจะดำเนินการกับกลุ่มเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้านและในยุโรปอย่างไรบ้าง พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า

“วันนี้ ก็ขอข้อมูลไปทุกประเทศแหละ ที่มีคนเหล่านี้เคลื่อนไหวอยู่ คนเหล่านี้ เขาน่าจะสำนึกว่าเขาให้อยู่ประเทศเขาแล้วก็ไม่ควรจะทำอะไรนะ เกิดเขาไม่ให้อยู่ ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ผมก็สงสารเขานะ ผมไม่ใช่คนเลวร้ายนี่หว่า ไปฆ่าไปแกงกันได้ยังไง มาตรา 112 ทำไมถึงไม่ดำเนินคดี แล้วทำไมถึงมีคนฉวยโอกาสเหล่านี้ขึ้นมา เพราะท่านมีพระเมตตา กำชับมากับผมโดยตรง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการใช้ไหม 112 ไม่ได้คิดตรงนี้ ลามปามกันไปเรื่อย” พลเอกประยุทธ์กล่าว

นอกจากนั้น พลเอกประยุทธ์ ยังได้เตือนกลุ่มนิยมประชาธิปไตยสุดขั้วด้วยว่า

“หลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตยตอนเนี้ย เปลี่ยนแปลงด้วยความรุนแรงทั้งสิ้น บาดเจ็บล้มตายกันไม่รู้เท่าไหร่ แล้วเราจะเอาตัวอย่างแบบนั้นทำไม ก็เป็นห่วงนิสิตนักศึกษานะ ทุกคนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ผมว่าวันหน้าเขาจะทำงานยาก บริษัทห้างร้านเขาไม่ต้องการคนแบบนี้ จริงๆ เขาก็บริสุทธิ์ แต่มันอยู่ที่คนชักนำ สื่อก็ต้องช่วยกันประโคมข่าวเหล่านี้ออกไป เผยแพร่ไปที่อื่น” พลเอกประยุทธ์กล่าว

UN แจ้งตัวแทนกัมพูชาให้สอบสวนกรณี วันเฉลิมหายตัวในพนมเปญ

ในวันเดียวกันนี้ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้ทำหนังสือส่งถึงตัวแทนรัฐบาลกัมพูชาในเจนีวา ให้สอบสวนกรณีของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยชาวไทยถูกลักพาตัวหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ เมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากที่รัฐบาลไทยปฏิเสธการรู้เห็น และเจ้าหน้าที่กัมพูชา กล่าวว่าไม่พบร่องรอยเหตุลักพาตัว

นายสุณัย ผาสุข เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ว่า ประเทศกัมพูชา เป็นภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย ทำให้สหประชาชาติ (UN) สามารถประสานไปหากัมพูชาเพื่อให้ทำการสืบสวนเรื่องนี้ได้ และหากไม่ทำตามกัมพูชาอาจจะถูกตัดการให้ความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ

“ยูเอ็นออกหนังสือเป็นการแจ้งว่าได้รับเรื่องกรณีวันเฉลิมแล้ว โดยจะดำเนินการภายใต้ภาคีอนุสัญญาต่อต้านการอุ้มหาย ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาจำเป็นต้องตอบเรื่องนี้ภายใน 2 สัปดาห์ คือ ในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ซึ่งต้องตอบไปหาเลขาฯ ยูเอ็น ผ่านคณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ต้องมีการสอบสวนโดยทันที ถ้ากัมพูชาใช้วิธีว่าไม่รู้ไม่เห็น จะเป็นการขัดต่อพันธะที่ได้ทำไว้” นายสุณัย กล่าว

“กรณีของวันเฉลิม มีพยานเห็นเหตุการณ์ และพยานเหล่านั้นยินดีให้ปากคำ มีเทปยืนยันว่าเกิดเหตุจริง กัมพูชาจึงต้องตอบไปที่ยูเอ็น มันเป็นขั้นตอนที่มีระเบียบชัดเจน และยูเอ็นมีอำนาจของกลไก ซึ่งเมื่อกัมพูชาตอบกลับมา ยูเอ็นก็จะให้ข้อมูลกับอย่างน้อยที่สุดคือ ผู้ร้อง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้ากัมพูชาไม่ตอบก็จะเป็นประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะกรณี ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาเคยถูกกดดันมาแล้วด้านความช่วยเหลือ” นายสุณัย กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นายสุณัย ได้เผยแพร่หนังสือของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ระบุว่า ได้รับเรื่องกรณีการลักพาตัวนายวันเฉลิม ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2563 และเรื่องเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่า ด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย ในวันที่ 10 มิถุนายน 2563 โดยใช้อำนาจตามข้อ 30 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ติดต่อไปยังรัฐบาลกัมพูชา เพื่อให้ดำเนินการเรื่องนี้ทันที ทั้งนี้ข้อ 30 ของอนุสัญญาดังกล่าวมีสาระสำคัญซึ่งระบุว่า ญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถร้องขอให้ คณะกรรมการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บังคับบุคคลสูญหาย ดำเนินการติดตามหาได้

ด้าน น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า รู้สึกดีใจที่สหประชาชาติ ช่วยเหลือเรื่องการลักพาตัวของนายวันเฉลิม

“ยูเอ็นรับเรื่องก็ดีใจ แต่ทางเรื่องของรัฐบาล ตามที่ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศ เขาก็แจ้งว่า เขาส่งหนังสือไปถามทางกัมพูชาแล้ว จริง ๆ ครอบครัวเราก็อยากได้เขากลับมา ก็ภาวนาอยู่ทุกวัน ขอให้เขามีชีวิตรอดกลับมา ซึ่งมันนานมากแล้ว หลายวันแล้ว ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากอยากให้รัฐบาลทั้งสองรัฐบาล เร่งรัดสืบสวนสอบสวนว่าอะไรคือข้อเท็จจริง เราอยากรู้ข้อเท็จจริงจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ” น.ส.สิตานัน กล่าว

ขณะที่ นายชยุต์ ศิรินันทไพบูลย์ ตัวแทนกลุ่มเพื่อนวันเฉลิม กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า รู้สึกมีความหวังเมื่อสหประชาชาติรับเรื่องดังกล่าว

“ใจหาย ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ต้าร์ (ชื่อเล่นของนายวันเฉลิม) เขาพูดอยู่แล้วก่อนหน้านี้ว่า ถ้าเกิดเขาเป็นข่าว ก็อาจหาเขาไม่เจอแล้ว แต่เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใคร บ้านเมืองมันมีกฎหมาย ต่อให้เป็นอาชญากรก็ไม่ควรอุ้มเขา จนเขาไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” นายชยุต์ กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง