กงสุลไทยเร่งแรงงานไทยผิดกฎหมายในมาเลเซีย แจ้งตม.-เสียค่าปรับ
2018.08.08
ปัตตานี

ในวันพุธนี้ สถานกงสุลไทย ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ได้ประกาศแจ้งเตือนให้คนไทยที่ไปทำงานโดยผิดกฎหมาย ในประเทศมาเลเซีย และแรงงานถูกกฎหมายที่อยู่เกินระยะวีซ่าที่ได้รับอนุญาต ให้เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อที่จะได้รับการลดหย่อนค่าปรับและส่งตัวกลับประเทศ มิฉะนั้นอาจจะต้องโทษปรับสูงถึงหนึ่งหมื่นริงกิต (กว่า 82,000 บาท) หรือถูกจำคุกสูงสุด ถึง 5 ปี
เรือตรีปิยะพันธุ์ อติแพทย์ กงสุลไทย ณ เมืองปีนัง กล่าวว่า ทางการมาเลเซียได้เปิดโอกาสให้คนไทยที่ไปทำงานผิดกฎหมาย หรือกลุ่มที่อยู่เกินเวลาวีซ่า เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่มาเลเซียจะคิดค่าปรับเป็นเงิน 400ริงกิต (ประมาณ 3,280 บาท) พร้อมดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งหากเลยกำหนดจะมีโทษปรับสูงถึง 10,000 ริงกิต (ประมาณ 82,000 บาท) หรือถูกจำคุกสูงสุด 5 ปี
“ได้รับการยืนยันว่า นโยบายดังกล่าว จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ส.ค. 2561 และจะไม่มีการต่ออายุให้อีก ให้แรงงานไทยรีบรายงานตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ใกล้ที่สุดในประเทศมาเลเซีย” ร.ต.ปิยะพันธุ์กล่าว
การแจ้งเตือนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ได้รับข้อมูลยืนยันจากผู้อำนวยการการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียว่าทางการมาเลเซียได้ออกนโยบายประนีประนอมในเรื่องดังกล่าว เพื่อที่ผู้กระทำผิดกฎหมาย จะไม่ถูกดำเนินคดีเพียงแต่ให้แสดงตัวเพื่อชำระค่าปรับ 400 ริงกิต และเดินทางออกนอกประเทศมาเลเซีย
หากพ้นกำหนดดังกล่าว ผู้กระทำผิดกฎหมายจะไม่สามารถเลือกชำระค่าปรับได้อีก และหากถูกทางการมาเลเซียจับกุม จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษถูกปรับไม่ต่ำกว่า 10,000 ริงกิต หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งปัจจุบันทางตม.มาเลเซีย ได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสถานประกอบการต่างๆ รวมถึงแรงงาน
ร.ต.ปิยะพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มาเลเซียจับแรงงานไทยและนายจ้างไปแล้วกว่าหนึ่งพันราย จากจำนวนแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียทั้งสิ้นร่วม 70,000 คน
“สถิติการจับกุมแรงงานตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา มีแรงงานไทยเป็นลูกจ้างถูกเจ้าหน้าที่จับกุม 1,563 คน และนายจ้างถูก 7 คน” ร.ต.ปิยะพันธุ์กล่าว
คนไทยหรือแรงงานไทยส่วนหนึ่ง จะเข้าไปเปิดร้านอาหารไทยหรือทำงานในร้านอาหารไทย ในประเทศมาเลเซีย ที่นิยมเรียกเป็นสามัญนามว่า “ร้านต้มยำกุ้ง” ซึ่งนางรอมละ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของร้านต้มยำกุ้งแห่งหนึ่ง ในประเทศมาเลเซีย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ตอนนี้ ตนเองกลับมาอยู่บ้านในเมืองไทยก่อนระยะหนึ่ง เพราะทางการมาเลเซียปราบปรามอย่างหนัก
ด้าน นายอิสมะแอ (ไม่ขอออกนามสกุล) ทางการมาเลเซียมีการเข้มงวดขึ้นเพราะต้องการขับไล่แรงงานประเทศอื่น แต่กับแรงงานไทยแล้ว เจ้าหน้าที่มาเลเซียมักจะหลับตาให้ข้างหนึ่ง หากไม่ทำผิดคดีอื่นๆ
“ทุกวันนี้ แรงงานไทยที่อยู่ที่นี่ยังสามารถทำงานได้ปกติ ก็มีบ้างที่ถูกจับ ซึ่งคนที่ถูกจับหลายครั้งก็มีคดียาเสพติดรวมด้วย ถ้าเป็นเรื่องใบอนุญาตเขาจะหลับตาทำเป็นไม่เห็น นอกจากคนที่ทำผิดที่เขาไม่สามารถช่วยได้ ก็จะถูกจับ” นายอิสมะแอ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ส่วนนายอับดุลเลาะ อดีตแกนนำบีอาร์เอ็นระดับพื้นที่ กล่าวว่า การเข้มงวดกับการอยู่เกินวีซ่า จะไม่มีผลกระทบกับสมาชิกขบวนการบีอาร์เอ็นที่พักพิงอยู่ในมาเลเซีย
“มั่นใจว่ากลุ่มขบวนการที่อยู่ในมาเลเซียจะปลอดภัย ไม่ถูกปราบปรามส่งตัวกลับมาประเทศไทย เพราะที่เขาอยู่ลึกกว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึง บางกลุ่มก็ไม่รู้เลยว่าเป็นคนไทย เพราะพวกเขามีสองสัญชาติ” นายอับดุลเลาะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์