ตำรวจไทย-มาเลเซีย ร่วมประชุมทวิภาคี หาแนวทางแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ รวมประเด็นค้ามนุษย์

โดย นาซือเราะ และทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.05.13
TH-bilateral-police-620 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะประชุมทวิภาคี ร่วมกับตำรวจมาเลเซีย ภายใต้การนำของ ตันศรี ดาโต๊ะ ศรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ที่โรงแรมเวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ. ภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2558
เบนาร์นิวส์

วันที่ 13 พ.ค. 2558 ที่โรงแรมเวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ. ภูเก็ต พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะประชุมทวิภาคี ร่วมกับตำรวจมาเลเซีย ภายใต้การนำของ ตันศรี ดาโต๊ะ ศรี กาลิด บิน อาบู บาการ์ (Tan Sri Dato Sri Khalid bin Abu Bakar) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เพื่อหารือ กระชับความสัมพันธ์ และร่วมกันพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ

การพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ แบ่งเป็น 8 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ การก่อการร้าย การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์  การลักลอบค้าอาวุธ อาชญากรรมที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองสองประเทศที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน การโจรกรรมยานพาหนะข้ามประเทศ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคอมพิวเตอร์ และอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในน่านน้ำและโจรสลัด รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรร่วมกันของตำรวจทั้งสองประเทศ

หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (Agreed Minute) เพื่อแสดงถึงเจตจำนงในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมร่วมกัน และยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและยาวนานระหว่างตำรวจทั้งสองประเทศอีกด้วย

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ เป็นประธานพิธีส่งคืนยานพาหนะ ที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 25 คัน แก่ประเทศมาเลเซีย โดยมี ผบ.ตร.ตำรวจแห่งชาติมาเลเซียเป็นผู้แทนรับ และข้าราชการตำรวจทั้งสองประเทศร่วมกันเป็นสักขีพยาน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แนบแน่นและใกล้ชิด อันถือว่าเป็นสิ่งตอกย้ำถึงความสำเร็จอย่างหนึ่งของตำรวจสองประเทศ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อสองประเทศ

การประชุมทวิภาคีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ถือว่าเป็นการประชุมที่มีความสำคัญมากอีกการประชุมหนึ่ง ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และยังเป็นการเตรียมการของทั้งสองประเทศ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วย โดยการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 23 แล้ว ซึ่งถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศจะสลับกันเป็นเจ้าภาพ

ตำรวจน้ำสกัดกั้นทุกช่องทาง

ขณะที่ พ.ต.ท.บรรเจิด มานะเวช สารวัตรตำรวจน้ำ พื้นที่จังหวัดสตูล พร้อมทหารเรือ นำเรือเข้าสกัดกั้น ระวังการทะลักทุกช่องทางพื้นที่บ้านปากบารา บ้านบ่อเจ็ดลูก อ.ละงู บ้านตำมะลัง อ.เมืองสตูล และตรอกซอกซอย ตามลำคลองน้อยใหญ่ พร้อมกับการประสานงานกับทางการประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานความร่วมมือในการป้องกันตลอดน่านน้ำทะเลอันดามัน ไม่ให้มีการทะลักเข้ามาของชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจา และบังกลาเทศ

จับกุมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ เหยื่อค้ามนุษย์ และผู้อพยพผิดกฎหมาย

ในส่วนของ  พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล นำกำลังจับกุมเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ในพื้นที่จังหวัดสตูล ได้เพิ่มอีก 2 ราย ตามหมายจับ ในท้องที่ปาดังเบซาร์ โดยนำตัวส่ง จ.สงขลา  นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจปาดังเบซาร์ ได้ออกหมายจับเพิ่มอีก 10 นาย  ประกอบด้วย  นายโปเซี่ย (โกเซี่ย) อังโชติพันธุ์  นายกสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะหลีเปะ จ.สตูล  นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล นายอนัส  หะยีมะแซ (ถูกจำคุกที่เรือนจำกลางสงขลา/อายัดตัว) นายชาคริต หลงสาม๊ะ นายหมาด สะอาด ใจดี  นายสถิต แหมถิ่น นายสมพล อาดำ นายสมรรถชัย ฮะหมัด นายสมบูรณ์ สันโด และนายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ โดยทั้งหมดเป็นเครือข่ายของ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ อดีตนายก อบจ.สตูล

หนึ่งในหมายจับผู้ต้องหา 10 ราย ของสถานีตำรวจปาดังเบซาร์ ได้เข้ามอบตัวล่าสุดอีกราย คือ นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล บทบาทเป็น หัวหน้ากลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ เป็นเครือข่ายของ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้ามนุษย์ของ สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจ ภาค 9 ส่วนหน้า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ผู้ร่วมค้ามนุษย์มอบตัวเพิ่ม

ต่อมา นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือ โกหย่ง ผู้ต้องหาในคดีความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนาทวี ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รองผู้บัญชาการภาค 8 และ พล.ต.ต.นรินทร์ บุษยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตามข้อกล่าวหา สมคบและร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือ บุคคลต่างด้าวให้เข้ามาโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่

ในชั้นรับมอบตัวผู้ต้องหา นายปิยวัฒน์ ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาและไม่ได้เป็นผู้นำส่งชาวโรฮีนจา จาก จ.ระนอง ไป จ.สงขลา แต่อย่างใด นายปิยวัฒน์   หรือ โกหย่ง ถูกนำส่งตัวให้กับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 จังหวัดสงขลา

รวมจำนวนผู้ที่ถูกออกหมายจับ มีทั้งหมด 61 ราย ควบคุมตัวและอายัดแล้ว  24 คน และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม จำนวน 37  คน

สำหรับจำนวน ชาวโรฮีนจา ที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ จำนวน 312 ราย  แยกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 63 ราย และหลบหนีเข้าเมือง 249 ราย

ตรวจค้นบ้านผู้ร่วมขบวนค้ามนุษย์ และยึดของกลาง

พล.ต.ต. นรินทร์ บุษยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันนำของกลางที่ได้จากการตรวจค้นบ้านผู้ที่ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา จำนวน 9 ราย ที่ถูกออกหมายจับ โดยศาลนาทวี จ.สงขลา โดยของกลางที่ตรวจมาได้ในวันนี้ ประกอบด้วยรถยนต์ จำนวน 3 คัน ทองรูปพรรณ นาฬิกา และตู้เซฟที่ยังไม่สามารถเปิดได้ โฉนดที่ดินจำนวน 2 แปลง โดยเฉพาะที่ดิน 2 แปลงมีมูลค่ากว่า 112 ล้านบาท

พล.ต.ต. นรินทร์ บุษยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง กล่าวว่า วันนี้ทางภูธรจังหวัดระนองได้ร่วมกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจค้นบ้านผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา

"ทั้งหมด 10 จุด โดย 9 จุดมีการออกหมายจับจากศาลนาทวี จ.สงขลา ประกอบด้วย 1.บ้านของนายสุวรรณ หรือ โกหนุ่ย 2.บ้านของนายณัฐภัทร หรือ โกมิ๊ก 3.บ้านของนายปิยวัฒน์ หรือ โกหย่ง 4.บ้านของนายวราคม หรือ โกเนิน 5.บ้านของนายอนุสรณ์ 6.บ้านของนายหาด 7.บ้านของนายชาญณรงค์ 8.บ้านของนายสมพิศ 9.บ้านของนายสมบัติ ส่วนอีกรายยังไม่มีหมายจับ"

หลังจากนี้ได้นำส่งของกลางที่ยึดได้ ให้กับพนักสอบสวนเจ้าของพื้นที่ และมอบต่อให้กับ ปปง. ดำเนินการในขั้นต่อไป ซึ่งจังหวัดระนอง มีผู้ที่ถูกออกหมายจับทั้งหมด 9 ราย เข้ามอบตัวแล้ว 2 ราย คือ นายสุวรรณ แสงทอง หรือ โกหนุ่ย และนายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย หรือ โกหย่ง ส่วนที่เหลือคาดว่าได้หลบหนีไปแล้ว ทั้งที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียง และประเทศเพื่อนบ้าน

เจ้าหน้าที่พบค่ายพัก และขุดพบศพเพิ่ม

นอกจากนี้บริเวณเขาแก้ว เจ้าหน้าที่พบค่ายพักพิง จำนวน 6 ค่าย  ที่บริเวณเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จากทั้งหมด 6 ค่ายที่พบวันนี้ ซึ่งแต่ละค่ายอยู่ห่างกันประมาณ 200-500 เมตร พบสิ่งปลูกสร้างเป็นโรงเรือนเก่ารวมทั้งสิ้น 15 หลัง โรงนอน 2 หลัง พบหลุมศพ 3 หลุม ที่ล้วนมีศพเน่าเปื่อย ไม่ทราบเพศ เจ้าหน้าที่ได้ส่งพิสูจน์ศพและรอผลจาก รพ.สงขลานครินทร์ต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง