ศาลออกหมายจับชัยวัฒน์และพวกรวม 4 คน ในคดีบิลลี่แล้ว

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.11.11
กรุงเทพฯ
191111-TH-billy-disappearance-1000.jpg นางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาม่ายของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน ยืนเคียงข้างรูปสามี หลังจากงานรำลึกถึงการหายตัวไปของบิลลี่ ที่กรุงเทพฯ วันที่ 16 กันยายน 2562
เอเอฟพี

ในวันจันทร์นี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยข้อมูลว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกรวม 4 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีแล้ว ด้านนายชัยวัฒน์ยืนยัน จะเข้ามอบตัวอังคารนี้

พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการประกาศสืบจับ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประกาศสืบจับและจับกุม หลังได้ยื่นขอให้ศาลออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 4 รายแล้ว

“พิจารณาพยานหลักฐานรวมทั้งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ประชุมเห็นว่า มีพยานหลักฐานพอ ขออนุมัติต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว เป็นผู้ยื่นคำร้องและแถลงข้อเท็จจริงต่อศาล” คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ

“เวลาประมาณ 14.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติได้ออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน” คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูล

โดยข้อหาความผิดของคนทั้ง 4 คน โดยสรุปคือ 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอื่น 2. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น และใช้กำลังประทุษร้าย 3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 4. ร่วมกันข่มขืนใจและประทุษร้ายผู้อื่น ให้ยอมให้ทรัพย์สิน และ 5. ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด 6. ร่วมกันอำพรางศพ

ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ขณะที่นายพอละจีหายตัว) ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี หนึ่งในผู้ต้องหายืนยันกับสื่อมวลชนว่า ในวันอังคารนี้ เขาจะเดินทางไปมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจะไม่หนีการจับกุมอย่างแน่นอน

ขณะที่ นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายพอละจี เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ หลังจากทราบข่าวศาลอนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมสามีว่า รู้สึกดีที่ครอบครัวยังได้รับความยุติธรรม

“เกี่ยวกับที่ศาลออกหมายจับ ก็รู้สึกดีที่ว่า ยังมีความยุติธรรม เชื่อมั่นในความยุติธรรมว่าจะมีให้กับครอบครัวเรา ปัจจุบันยังไม่มีการนัดจากดีเอสไอ หรือศาล ก็คงจะปล่อยให้เป็นกระบวนการของกฎหมาย” นางพิณนภา กล่าว

โดยวันจันทร์นี้ นางพิณนภา ได้เข้ายื่นหนังสือกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขณะที่คณะรัฐมนตรีเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อขอให้นายสมศักดิ์ อนุมัติให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเพิ่งถูกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เมื่อเดือนตุลาคม 2562 กลับมารับผิดชอบสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจีต่อ พร้อมทั้งขอให้เร่งออก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราบการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และออกมาตรการในการคุ้มครองปกป้องนักสิทธิมนุษยชน

“ที่เข้าพบรัฐมนตรีคือ ไปยื่นให้ท่านมอบอำนาจให้ ท่านรองกรวัชร์ ดำเนินคดีบิลลี่ต่อให้สิ้นสุดคดีความ ท่านก็บอกว่า ถ้าถูกกฎหมายก็จะทำให้ได้ แต่ถ้าเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย ก็ไม่สามารถทำให้ได้” นางพิณนภา ระบุ

การหายตัวไปและการเสียชีวิตของบิลลี่

การหายตัวไปนายพอละจี เชื่อว่าเพราะเข้าไปเป็นพยานในคดีที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งในขณะนั้น) ในข้อหาเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน

บิลลี่ หายตัวไป เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 หลังจากที่ออกไปเก็บน้ำผึ้ง เพื่อนำไปฝากคนรู้จัก ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อให้การต่อชั้นศาลในวันนัดสืบพยานในเดือนถัดไป นางพิณนภา ภรรยา ได้ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามี แต่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 เนื่องจากศาลเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนายพอละจีไว้ในขณะนั้น

กระทั่ง 3 กันยายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ยืนยันว่า ได้พบชิ้นส่วนกะโหลกของนายพอละจี ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า นายพอละจี เสียชีวิตแล้วจากการถูกฆาตกรรม และจากหลักฐานดังกล่าวจึงนำไปสู่การร้องต่อศาล เพื่อขอหมายจับผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง