ศาลตัดสินจำคุก“เบนซ์เรซซิ่ง” 8 ปี คดีฟอกเงินยาเสพติด

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2018.09.07
กรุงเทพฯ
180907-TH-drugs-actress-800.jpg น.ส.ณปภา ตันตระกูล ขณะขอเยี่ยมนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก วันที่ 7 กันยายน 2561
นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ ศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช เจ้าของฉายา “เบนซ์ เรซซิ่ง” ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.ณปภา ตันตระกูล (แพท) พิธีกรและนักแสดง เป็นเวลา 8 ปี ในความผิดข้อหาร่วมกับนายณัฐพล นาคคำ (บอย) จำเลยคดีค้ายาเสพติดเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ฟอกเงิน โดยศาลพิพากษายกฟ้องข้อหาสนับสนุนการค้ายาเสพติด ก่อนได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1 ล้านบาท

ในช่วงเช้าของวันนี้ ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 907 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช นายสรรเสริญ รสานนท์ และ น.ส.อังสุพร อินา จำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำที่ อย.2201/2560 ซึ่งพนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องในข้อหาความผิดเกี่ยวกับการสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสมคบคิดกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำผิดฐานฟอกเงิน จากการมีส่วนรู้เห็นกับนายณัฐพล นาคคำ จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อย.2187/2560, อย.1883/2560 และ อย.1257/2560 ในการโอนเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 – 2 กุมภาพันธ์ 2560

จากหลักฐานในชั้นสอบสวนพบว่า จำเลยทั้งสาม มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการรับฝากเงิน และโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลอื่นๆ ตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท ซึ่งเชื่อว่าเข้าข่ายการฟอกเงินและสนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายยาเสพติด ซึ่งในก่อนหน้านี้ นายอัครกิตต์ให้การปฏิเสธ และขึ้นให้การต่อศาลนัดแรก เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 กระทั่งมีคำพิพากษาในวันศุกร์นี้ ว่าจำเลยมีความผิดจริง และให้จำคุกจำเลยทั้งหมด

“ข้อกล่าวหาเรื่องความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดยังมีข้อพิรุธสงสัย จึงยกประโยชน์ให้กับจำเลย แต่ในความผิดฐานฟอกเงิน พบว่า จำเลยที่ 1 มีรายได้จำนวนมากจากการรับโอนเงินจากนายณัฐพล และไม่สอดคล้องกับการเสียภาษีเงินได้ จึงเห็นว่าเป็นการกระทำผิดให้ลงโทษจำคุก 8 ปี” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

“จำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน รับฟังได้ว่า เป็นผู้สนับสนุนการค้ายาเสพติดของนายณัฐพลจริง พิพากษา จำคุกคนละ 20 ปี ปรับ คนละ 4 แสนบาท และให้จำคุกฐานร่วมกันฟอกเงิน จำคุกคนละ 8 ปี แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก คนละ 4 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 24 ปี ปรับคนละ 4 แสนบาท” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาโดยสรุป

ในการฟังคำพิพากษาครั้งนี้ มีสมาชิกครอบครัวของจำเลย 1-3 และสื่อมวลชนเข้าร่วมกว่า 20 คน อย่างไรก็ดี น.ส.ณปภา ภรรยาของนายอัครกิตต์ ไม่ได้ร่วมฟังคำพิพากษาด้วย เนื่องจากติดภารกิจถ่ายรายการโทรทัศน์ แต่ได้ตามมาเยี่ยมนายอัครกิตต์ภายหลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จแล้ว และให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ครอบครัวได้ยื่นประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งสภาพจิตใจของนายอัครกิตต์ยังดี และต้องการที่จะได้รับการประกันตัวเพื่อออกมาเลี้ยงดูบุตรชาย

กระทั่งในช่วงเย็นวันเดียวกัน ศาลได้อนุญาตให้นายอัครกิตต์ ได้สิทธิปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยใช้หลักทรัพย์ 1 ล้านบาทค้ำประกัน ห้ามเดินทางออกนอกประเทศก่อนได้รับอนุญาต รวมทั้งให้นายอัครกิตต์ใส่กำไลข้อเท้าไฟฟ้าเพื่อการติดตามพฤติกรรม

คดีนี้เป็นกระบวนการสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ “ชัยยะ สยบไพรี 60/2” บุกเข้าตรวจค้นจุดต้องสงสัยเกี่ยวกับคดียาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลพร้อมกัน 39 จุด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ร้านขายอุปกรณ์แต่งรถแอเรีย 51 ของนายอัครกิตติ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สงสัยว่านายอัครกิตติ์มีความเกี่ยวข้องทางการเงินกับนายณัฐพล ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า รับช่วงซื้อยาเสพติดเพื่อมาขายต่อจากนายไซซะนะ จำเลยในคดียาเสพติดซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ซึ่งศาลได้ตัดสินจำคุกนายไซซะนะไป เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปีนี้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง