พลเอกประยุทธ์-แม่ทัพภาคสี่ ปรับกลยุทธ์รักษาหมู่บ้าน

มารียัม อัฮหมัด
2019.11.06
ปัตตานี
191106-TH-deepsouth-attacks-1000.jpg เพื่อนบ้านแห่ศพ นายซัมซามี สามะ หนึ่งใน ชรบ. ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อคืนวันอังคาร ไปเพื่อทำพิธีฝังศพในหมู่บ้านทุ่งสะเดา อำเภอเมือง ยะลา วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในวันพุธนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวหลังจากเมื่อคืนวันอังคารนี้ คนร้ายที่เชื่อว่า เป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยิงถล่มอาสาสมัคร ตำรวจ และพลเรือน เสียชีวิตรวม 15 ราย เป็นความสูญเสียมากที่สุดในรอบหลายปี ว่า เจ้าหน้าที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการรักษาความสงบ ซี่งฝ่ายตรงข้ามพยายามโจมตีเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อเพิ่มอำนาจการเจรจา

เมื่อคืนวันอังคารนี้ กลุ่มคนร้ายได้โจมตีจุดตรวจชุดรักษาหมู่บ้าน และคุ้มครองตำบล ในบ้านทุ่งสะเดา ตำบลลำพะยา จังหวัดยะลา รวมสองแห่ง จนมีผู้เสียชีวิต 15 ราย เป็นพลเรือน 6 คน ตำรวจหนึ่งนาย และส่วนที่เหลือเป็นอาสาสมัคร รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ซึ่งมีอาการสาหัสสามราย ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

“เรื่องภาคใต้นะครับ ผมได้ทราบข้อมูลในชั้นต้นแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แล้ววันนี้ก็ได้กำชับไปในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ของทุกคน ให้ระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะบางจุดตรวจ อยู่ห่างจากพื้นที่เมืองมากพอสมควร เพราะฉะนั้นก็อาจจะเป็นจุดอ่อน และจุดที่มีความเสี่ยง” พลเอกประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้

“วันนี้ ก็ได้ให้มีการประชุมในส่วนของรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ก็ได้ประชุมว่าจะมีการปรับอะไรยังไง ในเรื่องของการวางกำลังอะไรด้วยให้เหมาะสม... จุดไหนเป็นจุดอ่อนเขาก็พยายามที่จะใช้ความกดดันตรงนี้มา เพื่อให้มีผลต่อการเจรจาด้วย ซึ่งผมก็ไม่อยากให้พวกเราไปขยายในเรื่องเหล่านี้ เพราะจะเป็นผลเสียต่อการทำงานของเรา” พลเอกประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ ยังได้กล่าวว่า ตนเองได้พูดคุยกับนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในระหว่างการประชุมอาเซียนซัมมิท ซึ่งได้พูดคุยกันหลายด้าน และตนยินดีที่มาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดความคืบหน้าในเรื่องนี้ หลังจากที่ได้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ มาเป็น พลเอกวัลลภ รักเสนาะ ไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้

พยานในเหตุการณ์ได้ระบุว่า คนร้ายเกือบสิบคนเดินทางเข้ามายิงอาสาสมัคร ที่จุดตรวจแห่งหนึ่ง และซึ่งได้ยิงตอบโต้ จนคนร้ายบาดเจ็บ

“มีหนึ่งในผู้ถูกยิงกระโดดหลบ ยังถูกยิง แล้วยิงสวนกลับทำให้โดนผู้ก่อเหตุหนึ่งคน เห็นเพื่อนผู้ก่อเหตุหามเข้าในป่า โดยมีเลือดหยดเป็นรอยยาว และหายไปเมื่อเช้านี้ คาดว่าคนร้ายที่ถูกยิงอาจบาดเจ็บสาหัส หรือไม่ก็ตาย” พยานคนเดียวกันกล่าวแก่เบนาร์นิวส์ โดยขอสงวนนามเพื่อความปลอดภัย

ด้าน พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ลงตรวจพื้นที่เกิดเหตุในวันนี้ โดยได้กล่าวว่า จะมีการปรับเปลี่ยนการตั้งจุดตรวจเป็นการจรยุทธ์แทน

“ตั้งแต่นี้ไปจะต้องปรับแผนรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดย ชรบ. และกองกำลังประชาชน จะต้องไม่อยู่เฝ้าฐาน หรือจุดตรวจ เพราะจะตกเป็นเป้า แต่ต้องเน้นจรยุทธ์มากขึ้นกว่าเดิม” พลโทพรศักดิ์ กล่าว

“เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ในรอบหลายปี ที่มีการโจมตีจุดตรวจ แล้วทำให้กองกำลังฝ่ายพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่เลือกเป้าแบบนี้ เพราะเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เป็นชาวบ้านที่เสียสละเสร็จจากทำไร่ทำนา ก็มาช่วยตรวจตราหมู่บ้าน จึงกลายเป็นเป้าหมายหลัก” พลโทพรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

ดอน ปาทาน ผู้สังเกตการณ์สถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การโจมตีชุดรักษาหมู่บ้าน น่าจะมาจากการ “ล้ำเส้น”

“โดยปกติ กองกำลังปีกทหารของบีอาร์เอ็นจะไม่โจมตีชุดรักษาหมู่บ้าน หรือ ชรบ. หากว่าเขาทำหน้าที่เป็นเพียงอาสามาดูแลหมู่บ้าน แต่หากล้ำเส้น จนกลายเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งของรัฐเมื่อไหร่ ก็ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง” ดอน ปาทาน ตั้งข้อสังเกต

ชาวบ้านฝังศพ ชรบ. ซัมซามี สามะ

ในวันนี้ ชาวบ้านทุ่งสะเดาได้ร่วมประกอบพิธีฝังศพให้กับ นายซัมซามี สามะ หนึ่งใน ชรบ. ที่ถูกยิงเสียชีวิต และเป็นหนึ่งในเหยื่อสองรายที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

นางสารินยา ใจยา อายุ 40 ปี ภรรยาม่ายของนายซัมซามี กล่าวว่า ตนเองได้พูดคุยกับนายซัมซามีเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อสามีรับประทานอาหารค่ำเสร็จ และขอตัวไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับหมู่บ้าน

“เมื่อคืน สองทุ่มกว่าๆ ตนกำลังจะพาลูกเข้านอน ส่วนสามีกินข้าวเสร็จ เขาก็เข้ามาบอกว่า จะไปเข้าเวรแล้วนะ จากนั้น พอสี่ทุ่มกว่าๆ ได้ยินเสียงปืนดังมาก รัวยาวเหมือนพลุ แล้วก็ได้ยินเสียงปืนไกลออกไป ตอนนั้น คิดแล้วว่าที่ป้อม ชรบ. แน่ สามีเราก็อยู่ที่นั่น ภาวนาขอให้เขาหนีได้ทัน” นางสารินยา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ขณะที่กอดลูกสาววัยสามขวบกว่าไว้ที่อก

“แต่พอเที่ยงคืน ผู้ใหญ่บ้านที่เขาเป็นญาติกันมาบอกว่า มีสามีด้วยที่ตาย ตอนนั้น ร้องไห้เสียใจทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ ยังไม่ได้บอกลูกว่า พ่อเขาไปไหน ลูกก็ได้แต่ถามหาพ่อเขา เพราะเช้าๆ สามีจะอาบน้ำให้ลูกทุกวัน เขาเลยสนิทกับลูก” นางสารินยา กล่าวพร้อมกับสะอื้น

“ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อไป คงต้องทำพิธีให้เสร็จก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงกับอนาคตของตัวเองและลูก จะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือจะกลับไปพะเยา ตอนนี้ คิดอะไรไม่ออกไปหมด”

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง