ปัญหาเครื่องแต่งกาย อนุบาลปัตตานียังไม่ได้ข้อสรุป

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โรงเรียนอนุบาลปัตตานี (โรงเรียนวัดนพวงศาราม) จัดประชุมร่วมระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และตัวแทนกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อหาทางออกของปัญหาการแต่งกายของนักเรียน ซึ่งผู้ปกครองชาวไทยมุสลิม กล่าวว่า สามารถยอมถอยได้เพียงหนึ่งก้าว ด้วยการยอมยกเลิกการสวมฮิญาบของของเด็กหญิงระดับต่ำกว่าชั้นประถมการศึกษาปีที่ 4 ส่วนเด็กโตกว่านั้นหรือที่มีรอบเดือนแล้วต้องสวมฮิญาบ

การประชุมดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากตอนปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ผู้ปกครองชาวไทยพุทธได้ให้บุตรหลานสวมชุดไปรเวทมาโรงเรียน แทนเครื่องแบบ เพื่อแสดงการคัดค้านที่นักเรียนไทยมุสลิม ที่บางคนคลุมฮิญาบเข้าเรียน เนื่องจากเห็นว่า การคลุมฮิญาบเป็นการกระทำที่ผิดกฎโรงเรียน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตธรณีสงฆ์

“มีการรายงานปัญหา และพฤติกรรมครู ที่ทำกับเด็ก และพฤติกรรมผู้ปกครองชาวพุทธที่ก่อกวน รังควานเด็กสวมฮิญาบ ช่วงที่ผ่านมาให้ท่าน(นายภิรมย์)ทราบ เราทั้งหมด ณ ที่ประชุมนี้ คือ ผู้ขอให้คลุมฮิญาบโดยแท้ ไม่มีผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่มีความประสงค์อื่นใดปะปนแม้แต่น้อย เราเป็นห่วงผู้ปกครองชาวพุทธ ที่อาจมีผู้ยุยงอยู่เบื้องหลัง และมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงก็ได้” ผู้ปกครองรายดังกล่าวระบุ

“ผอ.เขต(นายภิรมย์) ได้ให้เราเสนอความต้องการของเรา เพื่อจะหาทางออก โดยจะใช้หลักถอยคนละก้าว ซึ่งเราเสนอรายงานความเป็นมา และความจำเป็นที่ต้องคลุมฮิญาบตามศาสนบัญญัติ เพื่อไม่ให้เราต้องบาป และขอถอย โดยขอฮิญาบเพียงตามภาคบังคับเท่านั้น ประกอบด้วย หนึ่ง ขอฮิญาบ

ป.4–ป.6  สอง ถ้าเด็กประจำเดือนมาก่อน ป.4 ให้ขออนุญาตโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย สาม เด็กที่สวมฮิญาบมาก่อนแล้ว ให้ฮิญาบต่อได้” ผู้ปกครองรายเดิมกล่าว

ผู้ปกครองรายดังกล่าวระบุอีกว่า ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาโดยให้ทาง ผอ.เขต ประสานความร่วมมือกับ ผบ.ฉก.ปัตตานี ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้ทำความเข้าใจทั้งสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน แต่หากว่าทางโรงเรียนยังจะออกประกาศห้ามสวมฮิญาบ ตามความประสงค์ของผู้ปกครองพุทธ ทางฝ่ายผู้ปกครองเด็กมุสลิมจะขออาศัยอำนาจศาลคุ้มครอง

“เพราะถือว่าโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เป็นของรัฐ เป็นของเราทุกคน และทุกคนทุกศาสนามีสิทธิเรียน เราถอยเต็มที่แล้วได้เพียงเท่านี้” ผู้ปกครองรายเดิมกล่าว และระบุอีกว่า ตนต้องการให้โรงเรียนออกกฎการแต่งกายของนักเรียนให้ชัดเจน และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

ปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างผู้ปกครองชาวมุสลิม และพุทธ ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เริ่มต้นขึ้นในช่วงเปิดภาคเรียนเดือนพฤษภาคม 2561 จากการที่มีนักเรียนบางคนแต่งชุดนักเรียนตามหลักศาสนาอิสลามมาเรียน และครูของโรงเรียนทำการหยุดสอน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำผิดกฎโรงเรียน แต่ต่อมาโรงเรียนประกาศให้นักเรียนสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามได้ เนื่องจาก พระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ.ชุดนักเรียนฯ) อนุญาตไว้กระทั่งวันที่ 13 มิถุนายน 2561 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศว่า นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามแก้ไข ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ให้การแต่งกายของนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างวัด กับโรงเรียน ในกรณีที่โรงเรียนตั้งในเขตธรณีสงฆ์ ทำให้การแต่งชุดนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานีตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม เป็นการกระทำผิดข้อตกลงระหว่างวัดกับโรงเรียน อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมายังมีนักเรียนหญิงบางคนคลุมฮิญาบมาโรงเรียน จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ปกครองชาวไทย-พุทธบางคน และได้ให้บุตรของตนแต่งกายในชุดไปรเวทมาเรียน เพื่อแสดงการคัดค้าน

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายประจักษ์ ชูศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี จึงได้เชิญตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วมหารือกับ นายภิรมย์ จีนธาดา ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 1 เพื่อหาทางออกร่วมกันโดยในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองมุสลิม-พุทธ นำเสนอข้อเรียกร้อง และปัญหาดังกล่าว

ด้าน นายภิรมย์ จีนธาดา ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานีเขต 1 กล่าวในที่ประชุมว่า จะได้นำข้อมูลต่างๆไปหารือร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อหาทางออกของปัญหา

“ไม่อยากให้ฝ่ายใดแพ้หรือชนะ และอยากให้จบด้วยสันติ มีการพูดคุยเจรจา เรื่องนี้เปรียบเหมือนไส้ติ่งแตกแล้ว หากได้รับการแก้ไขตั้งแต่ต้น ผลน่าออกได้ดีกว่านี้” นายภิรมย์กล่าว

นายภิรมย์ ระบุว่า จะได้ส่งสรุปปัญหาจากการประชุมให้กับ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.มณฑลทหารบกที่ 46 และ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ให้ช่วยหาทางแก้ไข และรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป