ทหารพรานนราธิวาสยิงตำรวจเสียชีวิต 1 เจ็บ 2 ราย เหตุเข้าใจผิด

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2017.03.07
นราธิวาส
TH-killing-1000 สภาพรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส หลังจากเหตุปะทะด้วยความเข้าใจผิด วันที่ 7 มีนาคม 2560
เบนานิวส์

ในวันอังคาร (7 มีนาคม 2560)นี้ เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพราน ฉก.นราธิวาส 4808 ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาสที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ไล่ล่าผู้ต้องหาคดียาเสพติด เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เสียชีวิต 1 คน และตำรวจบาดเจ็บ 2 นาย โดยมีการเปิดเผยจาก เจ้าหน้าที่ทหารพรานว่า การปะทะครั้งนี้เกิดจากความเข้าใจผิด เพราะกำลังทหารพรานเข้าใจว่า ตำรวจชุดดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่กำลังก่อเหตุ จึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อสกัด

พ.ต.ท.อาภากร วิรุฬปักษา รองผู้กำกับการตำรวจสืบสวน สภ.เมืองนราธิวาสเปิด เผยว่า เหตุเข้าใจผิดดังกล่าว เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังขับรถไล่ล่าผู้ต้องหาคดียาเสพติด ชื่อ นายบุสบาล ยา หลังจากเข้าค้นบ้านพัก และพบของกลางเป็นยาบ้า 50 เม็ด

“เจ้าหน้าที่แสดงตัวขอตรวจค้นรถผู้ต้องสงสัย แต่รถเก๋งคันดังกล่าวได้ขับหนีออกไป เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ล่า จนกระทั่งถึงบ้านบาโงดุดุง ม.6 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าหลายนัด แต่ถูกกลุ่มไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงออกมาจากป่าริมทาง ทำให้รถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่เสียหลักชนต้นไม้ ส่งผลให้ อส.อามาน ลาเต๊ะ ที่นั่งอยู่ท้ายกระบะหลังเสียชีวิตคาที่ ส่วน ด.ต.เชาวลิต ชูเผือก ถูกกระสุนปืนที่หน้าอกขวา และ ส.ต.ท.วัชระ ถูกกระสุนปืนที่หัวไหล่” พ.ต.ท.อาภากรกล่าว

หลังจากเกิดเหตุพบว่า การปะทะครั้งนี้ เป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากเจ้าหน้าทหารพราน ฉก.นราธิวาส 4808 ที่กำลังลาดตระเวนบริเวณจุดเกิดเหตุ เข้าใจว่ารถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นรถของกลุ่มกองกำลังที่ใช้อาวุธปืนก่อความไม่สงบ จึงได้ยิงตอบโต้ออกไป จนเป็นเหตุให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียหลักชนกับต้นไม้

ด้าน พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การปะทะเป็นความเข้าใจผิด โดยเจ้าหน้าที่ทหารจะประสานช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าหน้าที่ อส.ที่เสียชีวิต และตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเต็มที่ และนำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก

“จะให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ตามสิทธิที่จะได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความผิดพลาดและเข้าใจผิด ส่วนการป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำ จะต้องมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงาน เพื่อให้ทราบเป็นการล่วงหน้า เพื่อเป็นการป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น” พ.อ.ไพศาลกล่าว

สำหรับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และปัจจุบัน พ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนร่างของ อส.อามาน ลาเต๊ะ จะถูกนำไปประกอบพิธีทางศาสนา และฝังที่กูโบทางไปชายทะเลหาดนราทัศน์ สำหรับคดียาเสพติดนั้น เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้กระทำผิดซึ่งหลบหนีมาลงโทษตามกฎหมายในอนาคต

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง