แม่ทัพภาค 4 ยืนยันกฎหมายพิเศษยังจำเป็นสำหรับชายแดนใต้

ในวันพฤหัสบดีนี้ พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า กฎหมายพิเศษยังจำเป็นสำหรับการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่นักการเมืองและกลุ่มเปอร์มาส เรียกร้องให้ยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษและเลิกติดอาวุธประชาชน หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงตำรวจ อาสมัคร และชาวบ้าน ในจังหวัดยะลา เสียชีวิต 15 คน เมื่อกลางดึกคืนวันอังคารที่ผ่านมานี้

พลโทพรศักดิ์ เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ถึงประเด็นที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) เรียกร้องให้ รัฐบาลยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งประกอบด้วย พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 (กฎอัยการศึก) พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ) โดยระบุว่า กฎหมายพิเศษยังจำเป็นกับการคุมสถานการณ์

“การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่นั้น การพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขยังคงดำเนินการต่อไป แต่ทีมกำลังทหารที่เป็นการสั่งการอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยต้องใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งไม่ได้ใช้โดยฝ่ายมั่นคงเพียงฝ่ายเดียว แต่มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของบ้านเป็นหลักไปร่วมดำเนินการด้วยทุกครั้งที่มีการใช้กฎหมายพิเศษเข้าปิดล้อม ตรวจค้น เราบังคับกฎหมายอย่างเต็มที่” พลโทพรศักดิ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว พร้อมทั้งระบุว่า ในครั้งนี้ มีคนร้ายประมาณ 20 คน ร่วมปฏิบัติการ

“อย่างนี้ ต้องใช้กฎหมายพิเศษ ขนาดกฎหมายพิเศษ ยังเอาไม่อยู่เลย เราใช้กฎหมายพิเศษกับคน 20 คนเท่านั้น ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง ทุกพื้นที่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ หรืออำเภอที่อยู่เขตรอยต่อ หลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ” พลโทพรศักดิ์กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามและระเบิด โจมตีชุดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านบ้านทุ่งสะเดา และชุดคุ้มครองตำบลลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา เสียชีวิต 15 คน บาดเจ็บ 4 คน

จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวแก่สื่อมวลชนที่รัฐสภาในวันนี้ว่า รัฐควรทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษ และการใช้ทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

"คนที่กระทำเป็นผู้ที่ต้องการทำลายกระบวนการเกิดสันติสุข ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพ และไม่ควรใช้กฎหมายพิเศษ ดังนั้นต้องทบทวนยกเลิก... อย่างไรก็ตาม กำลังของทหารยังมีความจำเป็น แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ของหน่วยงาน ไม่ใช่เข้าไปยุ่งในพื้นที่" นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ด้าน สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 เรียกร้องให้ ใช้กลไกทางการเมืองแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และยกเลิกการติดอาวุธให้พลเรือน โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือให้รัฐไทยต้องทบทวนการติดอาวุธให้พลเรือน และขอให้คู่ขัดแย้งหลักคำนึงถึงหลักกฎหมายมนุษยธรรมสากล ให้รัฐไทยและคู่ขัดแย้งหลักทบทวนปฏิบัติการที่อาจเป็นเงื่อนไขขยายเวลาการทำสงคราม และให้กลับสู่การแสวงหาทางออกของความขัดแย้งด้วยวิธีการทางการเมือง สาม ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเจรจาเป็นวาระแห่งชาติ ที่อยู่บนหลักการสากลและเคารพเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

ครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่ในความโศกเศร้า

นางสาวสุนิสา จันทร์วิมาน บุตรสาวของ นายสุพจน์ จันทร์วิมาน หนึ่งในสิบห้าผู้เสียชีวิต กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก

“ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียสำหรับทุกคนเหมือนกัน… อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดในครั้งนี้ ลงโทษทางกฎหมายโดยเร็ว เพื่อที่คนร้ายจะได้ไม่ไปก่อเหตุสร้างความสูญเสียอีก… พ่อสู้ชีวิตเป็นฮีโร่ของหนู เลี้ยงลูกจบปริญญา หากขอพรได้ข้อหนึ่ง ขอให้สงบสุขโดยเร็ววัน” นางสาวสุนิสา กล่าว

ด้าน นางรุ่งมณี ใจหลอด บุตรสาวของ นางนัยนา โพธิ์เตี้ยเทียม หนึ่งในผู้เสียชีวิต ระบุว่า รู้สึกภูมิใจในตัวแม่ แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

“ทุกครั้งที่แม่จะออกไปทำงานก็จะบอกตลอดให้ระมัดระวัง เพราะเหตุการณ์บ้านเราไว้ใจไม่ได้… รู้สึกภูมิใจในตัวแม่มากที่ทำงานตรงนี้ แม่ทำงานเต็มที่ ถึงจะไม่ได้เงินมากในการทำงานตรงนี้ แต่แม่ก็ตั้งใจทุ่มเท เพราะแม่รักบ้านของเรา มุสลิมไทยพุทธอยู่ร่วมกันมาช้านาน แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุจะเกิดแบบใหญ่ มันเป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่พื้นที่ไม่ใช่พื้นที่สีแดง ต้องการให้เจ้าหน้าที่หาความเป็นธรรมมาให้ได้ และหวังว่าเคสนี้จะเป็นเคสสุดท้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่” นางรุ่งมณี กล่าว