ทหารเจ็บ 3 นาย ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต 2 ราย หลังเหตุปะทะที่ปัตตานี

มารียัม อัฮหมัด
2020.08.14
ปัตตานี
200814-TH-suspects-shooting-1000.jpg เจ้าหน้าที่ทหาร ขณะเข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย ก่อนเกิดเหตุปะทะที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในวันที่ 14 สิงหาคม 2563
(เบนาร์นิวส์)

ในวันศุกร์นี้ เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 2 ราย โดยเหตุเกิดขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่พยายามติดตามผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าเป็นผู้วางระเบิด ที่จังหวัดปัตตานี และนราธิวาส จนทำให้มีทหารพรานบาดเจ็บ 3 นาย และเสียชีวิต 2 นาย วานนี้

พ.ต.อ.ทศพล สาราพฤกษ์ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. ว่า เกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กับสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่บ้านบือแนจือแร ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

“เจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย จนเกิดเหตุปะทะกับผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่บ้านบือแนจือแร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 3 นาย โดยเหตุเกิดระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย ฝ่ายคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางหนี มีการยิงตอบโต้หลายระลอกนานกว่า 30 นาที จนเจ้าหน้าที่คุมสถานการณ์ได้ หลังเสียงปืนสงบ พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดที่พักชั่วคราว และอุปกรณ์ยังชีพได้หลายรายการ” พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นเชื่อว่า กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดวานนี้ ที่จังหวัดนราธิวาสและปัตตานี โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามคนร้ายไปในพื้นที่ป่า จนเกิดเหตุปะทะอีก แต่คนร้ายสามารถหลบหนีไปได้

เหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีวานนี้ ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรก ได้เกิดเหตุการณ์วางระเบิดชุดคุ้มครองครูนักเรียนสองจุด ในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้อาสาสมัครทหารพรานเสียชีวิตรวม 2 นาย และบาดเจ็บอีก 3 นาย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารรายหนึ่ง (สงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า การปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ มีเป้าหมายคือ นายมาหามะ สะอิ ซึ่งเชื่อว่าเคลื่อนไหวในการก่อเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี วานนี้

ต่อมา พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดแก่เบนาร์นิวส์ว่า หลังการปะทะระลอกแรก เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไล่ล่าคนร้าย จนกระทั่งสามารถวิสามัญคนร้ายได้ 2 ราย

“จากการปฏิบัติการครั้งนี้ คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย เป็นระดับแกนนำในพื้นที่ แต่ต้องรอพิสูจน์ศพอีกครั้ง หลังการปะทะเจ้าหน้าที่สามารถยึดฐานของฝ่ายคนร้ายได้ การปะทะเกิดขึ้นหลังจากมีความพยายามเจรจาให้อีกฝ่ายมอบตัว แต่ไม่เป็นผล” พล.ต.ปราโมทย์ กล่าว

เจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ 3 นาย ประกอบด้วย 1. ร.ต.สุทธิพร สุภาการ อายุ 33 ปี ถูกกระสุนปืนบริเวณต้นขาขวา 2. จ.ส.ต.อนุวัฒน์ สวนโศกเชือก อายุ 31 ปี ถูกกระสุนปืนบริเวณข้อเท้าซ้าย และ 3. ส.ท.แสนชัย ชาติชำนาญ อายุ 27 ปี ถูกกระสุนปืนบริเวณต้นขาซ้ายและข้อเท้าขวา ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บรายแรกถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา ขณะที่อีกสองรายถูกนำส่งโรงพยาบาลยะรัง

ขณะที่ผู้เสียชีวิต 2 รายคือ นายมะซูกี สารูเมาะ หัวหน้ากองกำลังอาร์เคเค ระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมาย และนายอันวา กอแล สมาชิกระดับปฎิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา 1 หมาย

ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ใช้วิธีการที่ระมัดระวังที่สุด เพื่อลดการสูญเสียแล้วก่อนเกิดเหตุ

“เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเกลี้ยกล่อมแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายยังคงยิงสวนกลับมาตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังระวังป้องกันรอบนอก ใช้เฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวน เพื่อกดดันกลุ่มคนร้าย ควบคู่ไปกับการเจรจาเพื่อให้กลุ่มคนร้ายออกมามอบตัวเพื่อลดการสูญเสีย ได้วางแผนเพื่อกระชับวงล้อมให้เข้าถึงกลุ่มคนร้ายมากที่สุด แต่ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนาและมีป่าละเมาะ ทำให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความยากลำบาก” พล.ท.พรศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เชื่อว่า หากมีการพูดคุยสันติสุขจะทำให้สถานการณ์ความรุนแรงดีขึ้น

“เหมือนสถานการณ์จะกลับมาปฏิบัติการเหมือนเดิม และอาจมีแนวโน้มต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการพูดคุยสันติสุขด้วย ซึ่งถ้ามีการพูดคุยเร็วเท่าไหร่จะถือเป็นเรื่องดีกับทุกฝ่ายเพราะเชื่อว่า การพูดคุยคือ แนวทางสันติที่จะนำไปสู่ความสงบสุขต่อไป” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง