เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายอาบดุลมานะห์ สุหลง ต้องสงสัยปล้นปืน ปี 48

มารียัม อัฮหมัด
2020.06.18
ปัตตานี
200618-TH-deepsouth-suspect-looting-1000.jpg เจ้าหน้าที่ สน.หนองจิก ขูดกระพุ้งแก้มของ นายอาบดุลมานะห์ สุหลง ผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการทำร้ายชุดคุ้มครองหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จังหวัดปัตตานี และปล้นปืน วันที่ 18 มิ.ย. 2563
เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดีนี้ เจ้าหน้าที่กำลังผสมทหารตำรวจและฝ่ายปกครอง นำกำลังจับกุมตับนายอาบดุลมานะห์ สุหลง เพราะมีเหตุสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหตุปล้นปืนชุดคุ้มครองหมู่บ้านบ้านกะเดาะ ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อปี 2548 อันเป็นเหตุการณ์ย่อยในเหตุการณ์ทำร้าย และปล้นปืน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัฐ และชุดคุ้มครองหมู่บ้าน ที่มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย ได้ปืนไปอย่างน้อย 22 กระบอก

“เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นหาตัว นายอาบดุลมานะห์ สุหลง ซึ่งอยู่ภายในบ้านของภรรยา น.ส.กีย๊ะ มะดาบู เลขที่ 6/1 ม.2 ต.ระแว้ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวเพื่อลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน” พ.ต.อ.ฐมฌ์พงศ์ เพ็ชร์พิรุณ ผกก.ส ภ.หนองจิก กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม DNA  พิมพ์ลายนิ้วมือ และนำตัวส่งหน่วยซักถาม ฉก.ทพ.43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามต่อไป

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดว่า นายอาบดุลมานะห์ สุหลง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ ม.6 บ้านปะกาลือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืน ชรบ. พื้นที่บ้านกะเดาะ อย่างไร เพียงแต่ระบุว่าเป็นบุคคลในเป้าหมาย

ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 19.30 น. ของวันที่ 26 ต.ค. 2548 เป็นต้นไป คนร้ายไม่ทราบกลุ่มได้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้านในหลายอำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตหนึ่งนาย และมีเจ้าหน้าที่รัฐและชาวบ้านอีก 4 ราย ได้รับบาดเจ็บ โดยคนร้ายปล้นปืนไปได้อย่างน้อย 22 กระบอก

เฉพาะในจังหวัดปัตตานี เกิดเหตุความไม่สงบ 9 จุด คนร้ายปล้นปืนได้ 19 กระบอก ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 3 คน โดยนายอับดุลจะปากียา ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ประจัน อ.ยะรัง ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส

ในจังหวัดนราธิวาส คนร้ายปล้นปืน ชรบ. และเผาตู้โทรศัพท์ และขัดขวางการติดตามของเจ้าหน้าที่ ในหลายหมู่บ้านเช่นกัน ในเหตุการณ์หนึ่งได้ซุ่มยิง อาสาสมัครรักษาดินแดน ซึ่งทำหน้าที่วิทยุประจำที่ว่าการอำเภอบาเจาะ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์บริเวณที่กลับรถ บ้านจ้อมป่อย ม.4 ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ กระสุนถูกลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังซุ่มยิง นายมามะวาระดี สาอุ อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านบาโงอาแซ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ กระสุนถูกศีรษะและลำตัว เสียชีวิต โดยเหตุเกิดใกล้บ้านพัก

ส่วนในพื้นที่จังหวัดยะลา มีรายงานการปล้นปืนของชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ตำบลปะแต อำเภอยะหา ตำบลบุดี อำเภอเมือง ตำบลลำไหม อำเภอเมือง ตำบลบาโล๊ะ อำเภอยะหา

ทั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ขบวนการก่อความไม่สงบปล้นปืนจากค่ายปิเหล็ง ในอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อเดือนมกราคม ปี 2547 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์รุนแรงครั้งใหม่ที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน คนร้ายได้ปล้นปืนไปประมาณ 1,965กระบอก แต่ทางการสามารถยึดคืนมาได้เพียงประมาณ 700 กระบอกเท่านั้น

นอกจากเหตุการณ์ปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง ซึ่งถือเป็นการปล้นอาวุธครั้งใหญ่ที่สุด คนร้ายยึดปืนไป 413 กระบอกแล้ว ยังมีเหตุการณ์ปล้นปืนครั้งใหญ่รองลงมาอีกครั้งหนึ่ง คือ การบุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.15121) หรือฐานพระองค์ดำ ที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2554 ในครั้งนั้นมีอาวุธปืนถูกปล้นไปได้อีก 65 กระบอก จนถึงปัจจุบันตามคืนได้เพียง 11 กระบอก แยกเป็นปืนเอ็ม 16 จำนวน 8 กระบอก ปืนกลมืออูซี่ 2 กระบอก และปืนกลเบามินิมิ 1 กระบอก

สำหรับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุรุนแรงรวม 5,829 ครั้ง กระจายทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้อมูล ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2556 พบว่ามีการยิงซ้ำด้วยปืนกระบอกเดิม 812 ครั้ง

ญาติคนร้ายยิงทหารเมื่อวานนี้ระบุ “นายมะไซดี แวสุหลง” หนีการอบรมโครงการพาคนกลับบ้าน

ญาติของนายมะไซดี แวสุหลง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตหลังจากเจ้าตัวได้ใช้ปืนสั้นยิงทหารรักษาการณ์ที่จุดตรวจ ในจังหวัดปัตตานี เมื่อวานนี้ กล่าวว่า นายมะไซดี ได้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านที่กองทัพภาคที่ 4 จัดโครงการขึ้นมาเพื่อหวังให้สมาชิกกลุ่มขบวนการกลับใจมาร่วมพัฒนาประเทศ แต่นายมะไซดี ได้หลบหนีไป จนกระทั่งมาเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย

โดยเมื่อวานนี้ ทางครอบครัวและเพื่อนบ้านนายมะไซดี ประมาณ 100 คน ได้นำศพผู้ตายออกมาจากบ้านนางสีตีอามีเนาะ ซึ่งเป็นน้าสาว ไปยังกุโบร์ใน ม.5 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในการทำพิธีครั้งนี้ทางครอบครัว ไม่มีการอาบน้ำศพ เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้เสียชีวิต ที่บอกทางญาติไว้เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ขณะที่ผู้นำหน่วยทหาร ร้อย.ทพ.4306 ได้ร่วมพิธีและมอบข้าวสาร  1 กระสอบ ให้กับนางสีตีอามีเนาะ โต๊ะเย๊ะ น้าสาว เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมละหมาด

“เข้าใจถึงความจำเป็นในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และเสียดายที่เคยนำตัวนายมะไซดี มารายงานตัวเข้าโครงการพาคนกลับบ้านแล้ว เมื่อ 12 ก.ค. 62 แต่เจ้าตัวหนีหายไปในคืนวันนั้นเอง มิฉะนั้นคงไม่พบจุดจบอย่างนี้” ญาติของนายมะไซดี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ โดยไม่ประสงค์ออกนาม

ส่วนการฝังศพนายมะไซดี โดยไม่มีการอาบน้ำศพนั้น ญาติคนเดียวกันกล่าวว่า นายมะไซดี ได้บอกกกล่าวกับญาติ ๆ ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่ให้อาบน้ำศพ ในส่วนของการแห่ศพ ถือเป็นปกติของคนอิสลามที่จะแบกศพแห่ไปกูโบร์ และในการตักบีร หรือ สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เป็นการกล่าวปกติคนที่เป็นอิสลาม หรือที่เข้าใจอิสลาม หรือคนในพื้นที่ จะเข้าใจดีว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เขาเป็นขบวนการก่อความไม่สงบหรือไม่

“สิ่งที่เกิดขึ้น กับเขาถือเป็นสิ่งที่เขาเลือกแล้ว คือความประสงค์ของอัลลอฮ์ ที่กำหนดมาก่อนแล้ว ครอบครัวทุกคนก็ยอมรับตามความประสงค์ เราไม่สามารถที่จะฟื้นสิ่งที่ถูกกำหนดมาได้ เราควรดุอาร์ให้เขา” ญาติคนเดียวกันกล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง