ชาวสวนทุเรียนนราธิวาสร้องถูกผู้ใหญ่บ้านโกงค่าทุเรียนหลายล้านบาท

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.11.11
นราธิวาส
TH-farmers-1000 นายนัจมุจดีน อูมา (เสื้อเชิ้ตสีดำลายดอก) อดีต สส.นราธิวาสหลายสมัย และประธานมูลนิธิเสริมสร้างความยุติธรรมและการพัฒนา จังหวัดชายแดนภาคใต้ พูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์(11 พฤศจิกายน 2559)นี้ ชาวสวนทุเรียน ในอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาสกว่า 30 คน รวมตัวกันร้องเรียนต่อสื่อมวลชน หลังจากที่ถูกผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นนายหน้าขายทุเรียนโกงเงินค่าทุเรียนรวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ในช่วงเดือนกันยายน 2559 ที่ผ่านมา ด้านนายอำเภอจะแนะขอเวลา 2 สัปดาห์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

การร้องทุกข์ต่อสื่อมวลชนครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากนายนัจมุจดีน อูมา อดีต สส.นราธิวาส ในฐานะประธานมูลนิธิเสริมสร้างความยุติธรรมและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มชาวสวนทุเรียนบ้านไอร์ลากอ และบ้านไอร์กิส หมู่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ กว่า 30 คน จาก 20 ครอบครัวว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการขายทุเรียนผ่านนายหน้ารายหนึ่งช่วงต้นเดือนกันยายน 2559 แต่เมื่อชาวสวนส่งสินค้าไป กลับไม่ได้รับการจ่ายเงินค่าสินค้าดังกล่าว นายนัจมุจดีนจึงได้นำชาวสวนกลุ่มดังกล่าวมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน

นายยาการียา เจะเด็ง อายุ 46 ปี ชาวสวนทุเรียนจากบ้านไอร์กิส เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ตนเองเป็นชาวสวนทุเรียนซึ่งมีสวนขนาด 30 ไร่ เป็นหนึ่งในผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเอาเปรียบของผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นนายหน้ารับซื้อทุเรียน เพราะถูกติดค้างค่าทุเรียนเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท วันนี้เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนชาวสวนอีก 12 ครอบครัว ซึ่งมีเนื้อที่เพาะปลูก 130 ไร่ เพื่อเรียกร้องให้นายหน้าจ่ายเงินค่าทุเรียนที่ติดค้างพวกตนอยู่เป็นเงินรวมประมาณ 2,800,000 บาท

“วันนี้ชาวบ้านรวมตัว เนื่องจากสุดทนกับพฤติกรรม นายทุนผู้รับซื้อทุเรียนจากชาวบ้าน คือนายปะดอ เจ๊ะมะ อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่หมู่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ ซึ่งใช้กลอุบายเสนอราคาให้ชาวบ้านทั้งหมดขายทุเรียนให้แก่ตน โดยให้ราคาที่ 35 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งหากชาวบ้านได้นำส่งขายเอง ราคาตลาดในขณะนั้น อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 130 บาท แต่ชาวบ้านได้หลงเชื่อ เนื่องจากเกรงใจนายทุนเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ชาวบ้านจึงให้ผู้ใหญ่บ้านเหมาสวนทั้งหมดขายให้กับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว โดยไม่ทำสัญญาแต่อย่างใด แต่เมื่อถึงเวลานัดจ่ายเงินค่าทุเรียน กลับบ่ายเบี่ยง จ่ายส่วนเดียว ไม่เป็นตามข้อตกลง” นายยาการียากล่าว

นายยาการีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สวนทุเรียนขนาด 1 ไร่ สามารถปลูกทุเรียนได้ 40 ต้น และถ้าขายทุเรียนได้ทั้งหมดจะได้รับเงินประมาณ 1 ล้านบาทต่อ 1 ไร่ ซึ่งเนื้อที่ที่มีปัญหาในกรณีนี้มีทั้งหมด 130 ไร่

ด้านนางสาวฟารีดะ ปะดอมิง อายุ 28 ปี ชาวสวนทุเรียนอีกรายเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์เช่นกันว่า เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากชาวสวนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการถูกเอาเปรียบครั้งนี้ เพราะทุกครอบครัวมีภาระค่าใช้จ่าย อยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหา

“นายทุนเอารัดเอาเปรียบชาวบ้าน ทุกคนมีภาระ มีครอบครัว การที่นายทุนหรือผู้ใหญ่บ้านไม่จ่ายตามข้อตกลง ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปทั่ว จึงขอความเป็นธรรม ให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจ่ายเงินชาวบ้านไม่ใช่เบี้ยวอย่างที่เป็นอยู่ ควรมีคำตอบที่ชัดเจนและหน่วยงานปกครองควรเร่งรัด ความเดือดร้อนของชาวบ้าน ไม่ใช่ปล่อยเวลาเนิ่นนานแบบที่เป็นอยู่” นางสาวฟารีดะกล่าว

ด้าน นายยาลา ใบกาเด็ม นายอำเภอจะแนะ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ปัจจุบันได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์น่าจะมีความคืบหน้า

“ได้รับเรื่องร้องทุกข์และความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เป็นชาวสวนทุเรียนแล้ว ซึ่งมีข้อเท็จจริงและไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ดำเนินการสอบสวนกับชาวบ้านที่กล่าวอ้างว่าถูกผู้ใหญ่บ้านโกงแล้ว นอกจากนั้นทางอำเภอได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยผู้ใหญ่บ้านที่เป็นตัวปัญหา ในส่วนคดีโกงชาวบ้านจะต้องว่าไปตามคดี เพื่อสอบสวนนำขึ้นฟ้องในลำดับต่อไป ซึ่งทางปกครองหรืออำเภอขอเวลาประชาชนที่เดือดร้อนจากการถูกเอารัดเอาเปรียบที่เกิดขึ้น 2 สัปดาห์ เพื่อความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย” นายยาลากล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง