กกต.รับสมัคร สส. วันแรกคึกคัก

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.02.04
กรุงเทพฯ
190204-TH-election-mp-800.jpg กองเชียร์ผู้รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ ให้กำลังผู้สมัคร ภายในศาลากลาง จังหวัดนราธิวาส วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562
มาตาฮารี อิสมาแอ/เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์นี้ เป็นวันแรกที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดให้เป็นวันเปิดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ ซึ่งนายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่า จะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนเป็นผู้ชี้ว่าจะเลือกประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ได้ตอบรับว่าจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกฯ ในนามพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

ที่สนามกีฬาญี่ปุ่นไทย-ดินแดง หัวหน้าพรรคการเมือง แกนนำ ผู้บริหารคนสำคัญของพรรคการเมืองต่างๆ ได้นำผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในเขตกรุงเทพมหานคร มายื่นเอกสาร พร้อมจับฉลากเลือกเบอร์ที่จะใช้ในการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม นี้

พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่แยกออกมาจากพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่าการนำประเทศไทยคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยเป็นการแก้ไขเศรษฐกิจ เพราะหากยังได้รัฐบาลชุดเดิมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ และ นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้ามาทำหน้าที่จะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจได้

“การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่า จะเลือกข้างประชาธิปไตยหรือเผด็จการ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลทหาร ไปสู่รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ขณะนี้ รัฐบาลทหารมีข้อได้เปรียบจากการเป็นผู้คัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาจำนวนถึง 250 คนอยู่แล้ว และรัฐบาลทหารยังใช้กลกลของรัฐในการสนับสนุนพรรคการเมืองที่สนับสนุนตนด้วย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง  พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า นโยบายของพรรคด้านสวัสดิการสังคมและเศรษฐกิจ อีกทั้งบุคลากรที่มี จะสามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ โดยมองไปถึงอนาคตที่ประเทศไทยจะต้องมีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิตอล เพื่อสร้างความมั่งคั่งยั่งยืน โดยเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเมืองไทยขณะนี้ เพราะพรรคฯ มุ่งมั่นที่จะเป็นทางเลือกใหม่ให้การเมืองไทย ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง เลิกแบ่งสี แบ่งฝ่าย

“มั่นใจว่าเรตติ้งของพรรคฯ จะดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคฯ โดยขณะนี้ยังคงรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะตอบรับคำเชิญของพรรคฯ หรือไม่ ซึ่งยังมีเวลาที่พรรคฯ จะยื่นสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์” นายอุตตม กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ไม่หนักใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้ มีคู่แข่งทางการเมืองเพิ่มขึ้นหลายพรรค แต่ก็ไม่เคยประมาท พร้อมระบุว่า นโยบายที่หลายๆ พรรคประกาศขณะนี้ เป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ทำสำเร็จมาแล้ว ในยุคสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ตั้งแต่ให้เรียนฟรี จนถึงการแจกเบี้ยผู้สูงอายุ พร้อมย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการเมืองในรูปแบบเดิมของพรรคที่จะไม่มีการแตกลูกแตกหลาน

“ผู้สูงอายุได้เบี้ยยังชีพครั้งแรกก็ในสมัยยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ หลายอย่างเราเริ่มต้นมาแล้ว เพียงแต่ว่าในปี 2554 อาจจะมีพรรคการเมืองคู่แข่งเราเสนอนโยบายที่มันหวือหวาดึงดูดใจ แต่เราพร้อมที่จะให้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องพิสูจน์ว่านโยบายแบบไหนที่ยั่งยืนและแก้ปัญหาได้จริง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมาถึงสถานที่รับสมัครฯ พร้อมกับสมาชิกพรรค ด้วยรถเมล์สีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำพรรคฯ โดยมีสติ๊กเกอร์ตัวหนังสือสีส้มบนพื้นสีดำ แปะที่กระจกหน้ารถเขียนว่า “อนาคตใหม่ ไปสมัคร ส.ส.” พร้อมข้อความข้างรถที่อ่านได้ว่า “ถึงเวลาช่วยกันเปลี่ยนประเทศไทย”

ด้านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย เดินทางมาด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปด้วยแกร๊บคาร์ และผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปด้วยรถบัสขนาดใหญ่ โดยมีกองเชียร์ของแต่ละพรรคการเมืองนำป้ายหาเสียงที่รูปใบหน้าของผู้สมัคร พร้อมนโยบายหาเสียง มาชูพร้อมตะโกนให้กำลังใจผู้สมัครอย่างคึกคัก

ด้านนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงภาพรวมของวันแรกในการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยทาง กกต. จะประกาศรายชื่อผู้รับสมัคร ส.ส.อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้

“อยากให้ทุกคนออกมาลงคะแนนเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะพลังเสียงของทุกคน จะเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนแปลงสังคม” นายฐิติเชษฎฐ์ กล่าว

ผู้สมัครเพื่อไทยเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ นับสิบคน

สำหรับบรรยากาศการเลือกตั้งในต่างจังหวัดนั้น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนเดียวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้นำผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 10 เขต ในจังหวัดขอนแก่น ไปไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์รอบพื้นที่ศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น ก่อนไปลงทะเบียนรับสมัคร ส.ส. เช่นดียวกับแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ ที่นำผู้สมัครฯ ไปลงทะเบียนในจุดที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้สมัครจากพรรคเพื่อชาติอย่างน้อย 10 คน ในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดพะเยา และจังหวัดอุทัยธานี มีการเปลี่ยนชื่อตัวเป็น ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ เพื่อใช้ในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และได้ทำการเปลี่ยนชื่อก่อนที่มีจะประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง

สำหรับบรรยากาศการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง วันแรกจากพื้นที่นราธิวาส และยะลา เป็นไปด้วยความคึกคักเช่นกัน โดยมีผู้สมัคร สส.ในนราธิวาส รวม 72 คน จาก 20 พรรคการเมือง และในยะลา มีผู้สมัคร 42 ราย จาก 15 พรรคการเมือง

ซึ่งนักการเมือง ได้เดินทางมารอคิวรับสมัครก่อนเวลา เพื่อแย่งชิงหมายเลขอันดับต้นๆ ที่เชื่อว่าประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้งสามารถจดจำชื่อและเบอร์ของผู้สมัครได้ดีและติดปาก ที่สามารถนำไปสู่ชัยชนะของการแข่งขันในครั้งนี้ได้

โพลล์นิด้าชี้ เพื่อไทยมีแต้มนำ

ล่าสุด สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพลล์” เรื่อง “พลังคนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้งครั้งแรก” ที่ทำการสำรวจความเห็นประชาชนผู้ไม่เคยลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อายุระหว่าง 18-25 ปี จำนวน 1,254 ตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 84.93 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่าจะไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งนี้แน่นอน ขณะที่ 8.53 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่ไปแน่นอน และ 6.54 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่แน่ใจ

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึง 44.64 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่ายังไม่แน่ใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองพรรคไหน ขณะที่ 18.74 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าจะลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย 13.86 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคอนาคตใหม่  10.73 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และ 3.66 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ โดยคนรุ่นใหม่ที่จะใช้สิทธิครั้งแรกนี้ถึง 35.92 เปอร์เซ็นต์ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ ระบุว่า นโยบายแก้วิกฤตเศรษฐกิจทุกชนชั้น เป็นนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงที่ได้ใจมากที่สุด

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง