ศาลาอาญาสั่งจำคุกอดีตเณรคำ 114 ปี คดีฉ้อโกง

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.08.09
กรุงเทพฯ
180809-TH-fraud-monk-1000.JPG นายวิรพล สุขพล อดีตหลวงปู่เณรคำ เดินทางมาถึง ศาลอาญา กรุงเทพฯ วันที่ 9 สิงหาคม 2561
เดลินิวส์/รอยเตอร์

ในวันพฤหัสบดีนี้ ศาลอาญาพิพากษาให้จำคุกนายวิรพล สุขพล หรือที่รู้จักกันสังคมไทยในชื่อ หลวงปู่เณรคำ เป็นเวลา 114 ปี ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยนายวิรพลยังรอฟังการตัดสินของศาลในคดีกระทำชำเราเด็กหญิงอีกหนึ่งคดี ในเดือนตุลาคมนี้อีกด้วย

ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของอดีตหลวงปู่เณรคำ ได้กระจายไปในสังคมไทย เมื่อปี 2556 หลังจากมีการเผยแพร่ภาพอดีตหลวงปู่เณรคำ นั่งในเครื่องบินส่วนตัว สวมแว่นตาหรู และใช้กระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับสมณเพศ จนถูกร้องเรียน จากนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษออกหมายจับอดีตหลวงปู่เณรคำในหลายคดี อาทิ กระทำชำเราเด็กหญิง ฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่อดีตหลวงปู่เณรคำ ได้หลบหนีไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และยังคงปฏิบัติภารกิจเยี่ยงพระสงฆ์ตามศาสนาพุทธ อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย จนท้ายที่สุด ทางการสหรัฐอเมริกาได้ส่งตัวนายวิรพล เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดียังประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว

“ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตถึงพระอินทร์แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธา ที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ แล้วนำไปซื้อรถปอร์เช รถตู้ รถกระบะ จำนวนหลายคัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นในความเป็นพระสงฆ์ และจำเลยถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาทนั้น ฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป” ตอนหนึ่งของคำพิพากษา ระบุ

โดยคำฟ้องระบุว่า คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 ก.พ. 52 ถึงวันที่ 27 มิ.ย. 56 ต่อเนื่องกัน ที่อดีตหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ หลอกลวงประชาชนว่า ตนได้พบองค์อินทร์ในฝัน มาขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดู ด้วยทองคำแท้ สร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้น ต้นละ 300,000 บาท รูปหล่อพระทองคำซึ่งเป็นรูปเหมือนตนเอง ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยประกาศชักชวนให้ประชาชนนำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับตนเองที่วัด ซึ่งได้จัดเป็นตู้บริจาคจำนวน 8 ตู้

นอกจากนี้ หลวงปู่เณรคำ ยังได้ใช้เว็บไซต์ www.Luangpunenkham.com เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้หลงเชื่อและมาร้องทุกข์จำนวน 29 ราย ระบุเหตุที่หลงเชื่อเนื่องจากเข้าใจว่า อดีตหลวงปู่เณรคำ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงได้ร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แต่พบว่าอดีตหลวงปู่เณรคำไม่ได้นำเงินที่ได้มาจากการบริจาคไปก่อสร้างใดๆ แต่กลับโอนเงินจำนวน 1,130,000 บาท ไปซื้อรถยนต์ตู้โตโยต้า 1 คัน โดยทุจริต โดยเหตุเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี และเชียงใหม่ และที่อื่นๆ เกี่ยวพันกัน

“ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ343 ด้วย” คำฟ้องตอนหนึ่งระบุ

จำเลยคือ นายวิรพล สุขพล ให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้คดีในชั้นศาล แต่เนื่องจากจำเลยมีพฤติการหลบหนี จนทางการไทยต้องขอให้ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน จึงถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลตลอดมา

ในวันนี้ ศาลอาญาได้เบิกตัวจำเลย คือนายวิรพล จากเรือนจำ เพื่อมาฟังคำพิพากษา โดยพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปประกอบด้วย ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตาม มาตรา 343 รวม 29 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 87 ปี ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14(1) จำคุกเป็นเวลา 3 ปี และความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวม 12 กระทง จำคุกระทงละ 2 ปี รวม 24 ปี

“โดยรวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91(2) ได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายทั้ง 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป” คำพิพากษาระบุ

สำหรับคดีพรากผู้เยาว์ฯ และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี นั้น นายวิรพลได้ปรากฏตัวต่อศาล เพื่อตรวจพยานและรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อเดือนกันยายน 2560 โดยคำบรรยายฟ้องสรุปได้ว่า อดีตหลวงปู่เณรคำมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวจำนวน 8 คน และเคยมีประวัติถูกสีกาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาข่มขู่เอาชีวิต รวมถึงเคยถูกจับได้ ขณะอยู่กับสีกายามวิกาลที่จังหวัดมุกดาหาร ทำให้หลวงปู่เณรคำขณะนั้นต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระสงฆ์ในทันที แต่คดีไม่มีความคืบหน้า ต่อมาพนักงานสอบสวน DSI ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบผลการตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า ดีเอ็นเอของเด็กชายที่เป็นบุตรของหญิงสาวคนหนึ่งที่อดีตพระเณรคำเคยมีสัมพันธ์ด้วยนั้นตรงกัน ชี้ให้เห็นว่า บุคคลทั้งสามมีความเกี่ยวพันเป็นพ่อแม่ลูกกันจริง ขณะนั้น นายวิรพล ที่อยู่ในชุดสีขาวแถลงต่อศาลปฏิเสธข้อกล่าวหาระบุว่า เด็กที่เกิดจากหญิงที่แอบอ้างนั้นไม่ใช่บุตรของตน

ซึ่งบรรยากาศในวันนั้น ยังมีชาวบ้านที่ยังคงศรัทธาและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ก้มลงกราบและสอบถามความเป็นอยู่ ซึ่งนายวิรพลตอบกลับไปว่า แม้ว่าจะไม่ได้สวมจีวรแล้ว แต่จิตใจยังนับถือศาสนาพุทธเหมือนเดิม ทั้งนี้ ศาลอาญาจะนัดให้นายวิรพล มาฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวในเดือนตุลาคมนี้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง