หลายฝ่ายประณามเหตุคนร้ายสังหารหญิงตั้งครรภ์ที่ปัตตานี

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.11.28
ปัตตานี
TH-woman-funeral-620 นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี (ชุดขาว) เดินทางมาร่วมงานศพของนางสาวรัตติกาล จ่าวัง อายุ 26 ปี หญิงตั้งครรภ์แก่ ถูกยิงเสียชีวิต โดยกลุ่มก่อความไม่สงบ วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2559
เบนาร์นิวส์

หลังจากเกิดเหตุคนร้าย 2 คนใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชนบนถนนหมายเลข 42 ปัตตานี-นราธิวาส บ.ปาลัส ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้ น.ส.รัตติกาล จ่าวัง อายุ 26 ปี หญิงตั้งครรภ์แปดเดือนเสียชีวิต และนางสายใจ ทองดี อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บในวันเสาร์ (ที่ 26 พฤศจิกายน 2559) ประชาชน เจ้าหน้าที่ทหาร และองค์กรสิทธิมนุษยชนได้เคลื่อนไหวเพื่อประณามผู้ที่ก่อเหตุ และเรียกร้องให้ฝ่ายที่เห็นต่างกับรัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรง

ในวันอาทิตย์ ประชาชนกว่า 100 คนได้รวมตัวกันที่ริมถนนหมายเลข 42 ปัตตานี-นราธิวาส ในเขต บ.ปาลัส จุดที่ น.ส.รัตติกาลถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกับลูกในครรภ์ เพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับผู้ก่อเหตุ โดยประณามการกระทำครั้งนี้ และได้ร้องให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหยุดใช้ความรุนแรงกับประชาชนโดยเฉพาะผู้หญิง

นายรักชาติ สุวรรณ จากเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ หนึ่งในผู้ร่วมกิจกรรมกล่าวต่อเบนาร์นิวส์ว่า ประชาชนในพื้นที่รู้สึกเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และต้องการให้กลุ่มขบวนการเลิกใช้วิธีการที่รุนแรง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในลักษณะนี้อีก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับคนพุทธหรือคนมุสลิมก็ตาม

“มันเป็นเรื่องเศร้าของคนในพื้นที่ ต่างคนต่างมีชีวิต ต่างคนต่างสูญเสีย สิ่งเหล่านี้ประชาชน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ผู้กระทำต้องการอะไร แต่สิ่งที่เกิดมันทำให้เราหวาดระแวงกัน ผมสงสัยเหลือเกินว่า มนุษย์ที่มีศาสนาเป็นเข็มทิศนำทางชีวิต ทำไมถึงมีจิตใจที่โหดร้ายปานนี้ การฆ่าไม่ใช่เป็นคำสอนทางศาสนาใดๆ” นายรักชาติกล่าว

“ความต้องการของมนุษย์ในสังคมที่อยู่ร่วมกัน ย่อมถูกแก้ไขได้ด้วยการทำความเข้าใจ หยุดใช้ประชาชน หยุดเอาชาวบ้าน มาเป็นเครื่องมือในการต่อรอง หยุดนิ่งเพื่อไตร่ตรอง ก่อนจะกลายเป็นเครื่องจักรแห่งการฆ่า ฉันยังฝันเห็นสันติภาพ” นายรักชาติฝากไปถึงผู้ที่ก่อเหตุ

นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังจากลงพื้นที่ไปให้กำลังใจญาติของผู้เสียชีวิตว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบการก่อเหตุรุนแรงหลายครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสตรีและเด็ก

“การสังหารหญิงทั้ง 2 คนนี้เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงทุกรูปแบบต่อสตรี เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดต่อหลักศาสนาทุกศาสนา นำมาซึ่งความเศร้าสลดเสียใจแก่ประชาชนทั่วไป ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิสตรี ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้บาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตซึ่งกำลังตั้งครรภ์” นางอังคณากล่าว

พันเอกยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวประณามการสังหารหญิงตั้งครรภ์ครั้งนี้เช่นกัน โดยชี้ว่าการใช้ความรุนแรงขัดศาสนา จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประณามการกระทำครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

“กอ.รมน. 4 ขอประณามการกระทำที่สุดโต่งไร้ซึ่งมนุษยธรรม เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา และขอวิงวอนให้ทุกภาคส่วน กลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งภาคประชาสังคม และกลุ่มเอ็นจีโอ ได้ร่วมกันประณามการกระทำต่อผู้หญิงซึ่งไม่มีทางต่อสู้และยังตั้งครรภ์ ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม อำมหิต ไร้ซึ่งมนุษยธรรม สุดโต่ง หวังเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน โดยมิได้คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใด” พันเอกยุทธนามกล่าว

ด้านเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์โจมตีใน อ.ปะนาเระ ครั้งนี้ด้วย โดยเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งหาตัวคนผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยด่วนที่สุด

“ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และครอบครัวของผู้บาดเจ็บ ขอให้รีบเร่งดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม การให้ความช่วยเหลือเยียวยา และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน องค์กรภาคประชาสังคม ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งต่อการกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะต่อเป้าหมายพลเรือนทุกเชื้อชาติและศาสนา และขอเรียกร้องให้เยียวยาด้านจิตใจ ให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อบุตร และครอบครัวของทั้งสองท่าน อย่างถึงที่สุด” ตอนหนึ่งของแถลงการณ์

ขณะเดียวกันมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มด้วยใจ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุครั้งดังกล่าวเช่นกัน โดยชี้ว่า ความเข้มข้นในการปราบปรามกลุ่มก่อความไม่สงบของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดการโจมตี เพื่อตอบโต้หรือล้างแค้นโดยกลุ่มขบวนการ

"สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติการปราบปรามการก่อความไม่สงบที่รุนแรงที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และอาจส่งผลให้เกิดการโต้ตอบล้างแค้นเอาคืน จนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเป้าหมายของวงจรความรุนแรง"

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มด้วยใจจึงเสนอให้ รัฐบาลเร่งสร้างกระบวนการยุติธรรมให้เข้มแข็ง เพื่อเพิ่มความเชื่อถือจากประชาชนทุกฝ่าย โดยต้องให้มีการนำผู้กระทำความผิดทุกฝ่ายมาดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการลงโทษ ซึ่งกลุ่มเชื่อว่าจะเป็นการลดการใช้ความรุนแรง รวมทั้งรัฐต้องเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ทั้งครอบครัว ทุกกรณีอย่างเสมอหน้ากันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้จะเป็นการลดและป้องกันการแก้แค้นเอาคืนต่อกันและกัน

คนร้ายสังหารหญิงตั้งครรภ์ที่ปัตตานี

เหตุเกิดในเวลา 19.20 น. ของวันเสาร์ โดยคนร้าย 2 คน ใช้อาวุธปืนยิงพลเมืองหญิง 2 คน หลังจากเพิ่งซื้ออาหารริมถนน และขณะจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก อยู่บนถนนหมายเลข 42 ปัตตานี-นราธิวาส บ.ปาลัส ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้ น.ส.รัตติกาล จ่าวัง อายุ 26 ปี เสียชีวิต และนางสายใจ ทองดี อายุ 26 ปี ซึ่งร่วมเดินทางมาด้วยได้รับบาดเจ็บ

โดยขณะเกิดเหตุครั้งนี้ น.ส.รัตติกาล กำลังตั้งครรภ์และมีอายุครรภ์ 8 เดือน ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้พยายามช่วยเหลือบุตรในครรภ์ด้วยการผ่าตัดทำคลอด ขณะที่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตแล้ว แต่การช่วยเหลือไม่เป็นผล ด้านนางสายใจ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดปัตตานี

หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยงานข่าวว่า กลุ่มก่อความไม่สงบเตรียมที่จะก่อเหตุ โดยมุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายที่อ่อนแอ เช่น บุคลากรทางการศึกษา และผู้หญิง ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง และ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี

กอ.รมน.พบหลักฐานเตรียมก่อเหตุช่วงปีใหม่

หลังที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ทำการวิสามัญฆาตกรรมนายมะซูปิยัน ยะกูมอ และนายบูคอรี หะมะ สมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งปฎิบัติการในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา และ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งมีหมายจับคดีพยายามฆ่า ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ที่ อ.รามัน จ.ยะลา รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า พบเอกสารจากร่างผู้เสียชีวิตที่ระบุว่า กลุ่มขบวนการเตรียมก่อเหตุความไม่สงบในช่วงส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่นี้

โดยในวันจันทร์นี้ พ.อ. ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า  พบเอกสารในตัวของมะซูปิยัน ยะกูมอ เป็นกระดาษขนาด A4 จำนวน 2 แผ่น ซึ่งเขียนข้อความเป็นภาษายาวีด้วยลายมือมีใจความระบุว่าเตรียมที่จะก่อเหตุในช่วงปีใหม่ หรือปลายเดือนธันวาคม 2559

“เอกสารที่พบในตัวคนร้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่ชี้ชัดใดๆ เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ซึ่งจากกรณีที่มีการเสียชีวิต ก็เชื่อว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ส่วนมาตรการป้องกันและการดูแลรักษาความปลอดภัย นั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และกำลังร่วม 3 ฝ่าย ก็มีมาตรการในการดำเนินการอยู่แล้ว” รองโฆษก กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง