ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รับทราบข้อกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.05.13
TH-lawsuit-1000 นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ถือไมโครโฟน) ร่วมพูดคุยเรื่องรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559
เบนาร์นิวส์

นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เข้าพบพนักงานอัยการและได้รับทราบข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฟ้องร้องตน ด้วยเหตุที่ไม่ยอมให้ค้นรถยนต์ หลังจากได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งได้ฝากโทรศัพท์มือถือเก็บไว้ในรถ เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว

ในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค. 2559) ที่ผ่านมานี้ ทนายความศิริกาญจน์ ได้เดินทางที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) และได้รับทราบข้อกล่าวหา ว่ากระทำความผิดฐานซ่อนเร้นพยานหลักฐาน และทราบคำสั่งเจ้าพนักงานแล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามมาตรา 142 และมาตรา 368 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว

สำหรับข้อหาซุกซ่อนหลักฐาน มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกินสามปี ส่วนข้อหาการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกินหนึ่งเดือน

อย่างไรก็ตาม พนักงานอัยการ ได้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่ง ว่าจะฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 9.30 น. เนื่องจากต้องมีการสอบพยานเพิ่มเติม

นางสาวศิริกาญจน์ กล่าวทางเฟซบุ๊คเป็นภาษาอังกฤษแปลความหมายได้ว่า “อัยการยังไม่ได้สั่งฟ้อง หลังจากที่ฉันได้ส่งคำร้องขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่มเติม และพิจารณาข้อโต้แย้งทางกฎหมายและข้อเท็จจริง หวังว่าอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง”

ขอความเป็นธรรม

ในวันเดียวกันนี้ นางสาวศิริกาญจน์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการ โดยอธิบายว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ที่นำโดย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ขอตรวจค้นรถยนต์ของตน ในคืนวันที่ 27 มิถุนายน 2558 โดยไม่มีหมายค้น ไม่ได้มีอำนาจสอบสวนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ และไม่มีอำนาจจะกระทำการดังกล่าว

นางสาวศิริกาญจน์ ได้แจ้งความร้องทุกข์ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ฐานกระทำการละเมิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา โดยมีการยึดรถของตนไว้ข้ามคืน

นอกจากนี้ หนังสือขอความเป็นธรรมยังขอให้มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม คือ สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่เป็นลูกความของนางสาวศิริกาญจน์ นางสาวเยาวลักษ์ อนุพันธุ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และพนักงานสอบสวนที่ได้รับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ของตน ในเวลาต่อมา

ด้านนายภาณุพงษ์ เจริญยิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ ศาลแขวง 3 ได้ชี้แจงกับผู้สังเกตการณ์ว่า ขั้นตอนแรกอัยการต้องพิจารณาก่อนว่า คดีอยู่ในเขตอำนาจศาลใด จากนั้น จะได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามสำนวนและหนังสือขอความเป็นธรรม ซึ่งในคดีนี้ จะตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมา โดยมีตนเองเป็นหัวหน้าคณะ

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ถือเป็นคดีสำคัญตามระเบียบของสำนักงานอัยการ ดังนั้น คนที่จะพิจารณาความเห็นว่าสั่งฟ้องหรือไม่ จะเป็นอธิบดีอัยการศาลแขวง ซึ่งพนักงานอัยการนัดมาฟังคำสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องอีกครั้ง ในวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 9.30 น. ที่สำนักงานอัยการศาลแขวง 3 (ดุสิต)

ในระหว่างนี้ พนักงานอัยการจะทำการสอบพยานเพิ่มเติม ซึ่งหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง จะต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีก่อน

เหตุการณ์วันที่ 26-27 มิ.ย. 2558

นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และเป็นหนึ่งในคณะทำงานคดี 14 นักศึกษาขบวนประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ถูกดำเนินคดีจากการทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ในการคัดค้านการฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 14 คน ต่อศาลทหารในคืนวันที่ 26-27 มิ.ย. 2558 ภายหลังจากการพิจารณาในศาลทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าขอค้นรถนางสาวศิริกาญจน์เพื่อยึดโทรศัพท์มือถือของนักศึกษาทั้ง 14 คน ซึ่งฝากทีมทนายความไว้ก่อนเข้าเรือนจำ นางสาวศิริกาญจน์ ปฏิเสธไม่ให้ค้นรถยนต์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่มีหมายค้นและปราศจากเหตุอันสมควรที่จะค้นรถได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถยนต์นางสาวศิริกาญจน์ไว้ข้ามคืน จนนำหมายศาลมาตรวจค้น ในวันที่ 27 มิ.ย.58

หลังจากนั้น ทนายศิริกาญจน์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่า พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช และพวก เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาในการยึดรถไว้

ต่อมาพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี 14 นักศึกษา จึงเข้าแจ้งความว่านางสาวศิริกาญจน์ ซ่อนเร้นพยานหลักฐานและทราบคำสั่งเจ้าพนักงานแล้วไม่ปฏิบัติตามคำสั่งตามมาตรา 142 และมาตรา 368 ประมวลกฎหมายอาญา และแจ้งความเท็จตามมาตรา 172 และมาตรา 174 ประมวลกฎหมายอาญา แต่คดีมาตรา 172 และมาตรา 174 นั้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง