คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขปรับพลโทนักรบ บุญบัวทอง ออกจากตำแหน่งเลขานุการ

ภิมุข รักขนาม และนานี ยูโซฟ
2016.04.20
กรุงเทพฯ และ วอชิงตันดีซี
TH-nakrob-620 พลตรีนักรบ บุญบัวทอง (ยศในขณะนั้น) พูดคุยกับผู้สื่อข่าวเรื่องการพูดคุยสันติสุข เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธ (20 เมษายน 2559)  นี้ พลโทนักรบ บุญบัวทอง เลขานุการคณะพูดคุยสันติสุข ได้กล่าวตนได้รับแจ้งว่าได้ถูกปรับพ้นจากตำแหน่งเลขานุการของคณะพูดคุยฯ แล้ว ในขณะที่รองแม่ทัพภาคสี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะพูดคุยฯ กล่าวว่า การประชุมกับมาราปาตานีเต็มคณะ จะยังคงมีขึ้นตามกำหนดการเดิมในปลายเดือนเมษายนนี้

“ผมได้รับการบอกกล่าวมาว่า ให้พ้นจากตำแหน่งในคณะพูดคุย” พล.ท.นักรบ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ และกล่าวว่า ขณะนี้ คณะพูดคุยเหลือสมาชิกแปดคน และมีการปรับตำแหน่งคนภายในขึ้นรับตำแหน่งแทนตน

พล.ท.นักรบ มีบทบาทในคณะพูดคุยฯ และในกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้มาตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556 ซึ่งพล.ท.นักรบ เป็นหนึ่งในคณะพูดคุย ในฐานะตัวแทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.

ต่อมาในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สานต่อกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ 6 กลุ่ม ภายใต้ชื่อองค์กร "มาราปาตานี" เมื่อปี 2558 พล.ท.นักรบ ก็ถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญ และได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการ รวมทั้ง เป็นโฆษกของคณะพูดคุย นอกจากนั้น พล.ท.นักรบ ยังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานทางเทคนิค หรือคณะพูดคุยชุดเล็ก เพื่อประสานงานกับมาราปาตานี และรัฐบาลมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวก เพื่อกำหนดประเด็นการพูดคุยของคณะพูดคุยชุดใหญ่ด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ พลโทนักรบ บุญบัวทอง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะอนุกรรมการร่วมทางเทคนิกของฝ่ายไทยด้วยนั้นได้กล่าวว่า การพูดคุยเพื่อสันติสุข ได้ดำเนินมาถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายร่างข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆ (Terms of Reference – TOR) และจะมีการประชุมของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขและมาราปาตานี ในปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจจะมีการลงนามเห็นชอบในทีโออาร์ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการทำโร๊ดแมพต่อไปได้จะมีการเจรจาเต็มคณะรอบ ที่จะมีขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่การเจรจาเต็มคณะในเดือนสิงหาคม 2558

นายอาบู ฮาฟิซ อัล ฮาเก็ม โฆษกของมาราปาตานีกล่าวว่า ตนได้รับทราบข่าวนี้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และรอการยืนยันจากทางการไทยว่าใครจะมารับตำแหน่งเลขานุการต่อจากพลโทนักรบ

“น่าเสียดาย เพราะว่าพลโทนักรบ เข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่าย และมีความเข้าใจต่อกระบวนการพูดคุยเป็นอย่างดี” นายอาบู ฮาฟิซ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“คงไม่มีผลต่อการเจรจามากนัก เพราะทางฝ่ายคณะอนุกรรมการทางเทคนิกของทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบในทีโออาร์ และคาดว่าจะนำทีโออาร์เข้าพิจารณาโดยทีมเจรจาชุดใหญ่” นายอาบู ฮาฟิซ กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้าน ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า การที่ พล.ท.นักรบ ถูกปรับออกจากคณะพูดคุยฯ อาจจะมีผลกระทบต่อนโยบายในการพูดคุย

“พล.ท.นักรบ บุญบัวทอง เป็นเลขานุการคณะพูดคุย และเป็นคนที่มีประสบการณ์ มีการต่อเนื่อง ที่มาจากชุดก่อนหน้านี้ คนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้ ที่รัฐบาลมีอยู่ ก็คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาพอสมควร ทั้งในเรื่องนโยบาย อะไรก็ต้องมาดูกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้มาก” ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

อย่างไรก็ตาม ในวันอังคารที่ผ่านมานี้ พล.ต.ชินวัฒน์ แม้นเดช รองแม่ทัพ กองทัพภาคที่สี่ กล่าวยืนยันต่อเบนาร์นิวส์ว่า จะมีการประชุมของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขและมาราปาตานี ในปลายเดือนนี้ตามกำหนดเดิม

ฝ่ายก่อการกดดันรัฐบาล

นับตั้งแต่การก่อความไม่สงบตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 มีผู้เสียชีวิตในการต่อสู้ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการดินแดนปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา แล้วกว่า 6,500 คน

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีเหตุระเบิดและยิงเจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธ์บ่อยครั้งขึ้น มีคนตายอย่างน้อยสามสิบคนนับตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่เจ้าหน้าที่ได้บุกทลายแหล่งกบดานและผลิตระเบิดของผู้ก่อการในอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมือวันที่ 5 เม.ย. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า มีเหตุรุนแรงบ่อยขึ้นเพราะฝ่ายกลุ่มก่อความไม่สงบต้องการกดดันรัฐบาลให้ยอมรับกลุ่มตัวแทนเจรจามาราปาตานี

“เหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เป็นเพราะพวกเขาเร่งรัดกระบวนการพูดคุย  แต่หลายเรื่องเราได้บอกไปแล้วว่า อย่าเพิ่งไปพูดถึงตรงนั้น เพราะยังไม่ได้ยอมรับกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากผู้ที่พูดคุยนั้นยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า เป็นผู้ร่วมกระบวนการทั้งหมดหรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ติติงการรายงานข่าวว่า เป็นการประชาสัมพันธ์แก่ฝ่ายมาราปาตานี

“แล้วทำไมเราจะต้องเป็นเครื่องมือให้เขา ยิ่งประชาสัมพันธ์ให้เขามาก เขาก็ยิ่งชอบ ระเบิดบ่อยๆ ประโคมข่าว 5 วัน 10 วัน จะเป็นการกดดันรัฐบาลให้ต้องตกลงยอมรับกับเขาให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ แต่ผมยืนยันว่าไม่สามารถที่จะกดดันผมได้ ถ้ากดดันผมจะใช้มาตรการทางกฎหมาย แต่จะดูแลประชาชน เอาคนผิดมาลงโทษ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

* นาซือเราะ ร่วมรายงาน จากปัตตานี

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง