ศาลฎีกาฯ จำคุกสุรพงษ์ 2 ปี คดีออกพาสปอร์ตให้ทักษิณ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.06.19
กรุงเทพฯ
180619-TH-politics-1000.jpg นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล (เสื้อสีดำ) อดีต รมว. ต่างประเทศ เดินทางไปให้กำลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันตัดสินคดีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่ศาลฎีกา ถนนแจ้งวัฒนะ วันที่ 2 ส.ค. 2560
ภิมุข รักขนาม/เบนาร์นิวส์

ในวันอังคารนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้จำคุกนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ในการออกพาสปอร์ตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลังขอประกันตัวด้วยวงเงิน 5 ล้านบาท ขณะทนายจำเลยระบุจะต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และศาลแพ่งต่อไป

นายสุรพงษ์ เดินทางถึงศาลฎีกาฯ พร้อมทีมทนาย ในช่วงเช้าของวันอังคาร และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆ ก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า พร้อมจะต่อสู้คดี และยืนยันว่าตนได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ทำให้รัฐเสียหาย

“ผมมั่นใจว่าผมทำหน้าที่ทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรืออะไร” นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในช่วงเช้า ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา

สำหรับคดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560 แก่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีออกหนังสือเดินทางให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวมถึงคดีอื่นๆ อีกหลายคดี และอยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของศาลยุติธรรม

ดังนั้น การออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ จึงเป็นการขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางพ.ศ. 2548 ข้อ 21 (2) (3) และ(4) และทำให้รัฐเสียหาย ต่อมา อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งนายสุรพงษ์ ได้ยื่นหลักทรัพย์มูลค่า 3 ล้านบาท ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี

ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก พิพากษาให้จำคุกนายสุรพงษ์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 123/1

“ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา123/1 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 2 ปี” คำพิพากษาตอนหนึ่งระบุ

“พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยมีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งหลบหนี ให้สามารถเดินทางในต่างประเทศได้สะดวก และเป็นผลบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ” คำพิพากษาระบุเหตุที่ไม่ควรรอลงอาญา

ภายหลังคำพิพากษา นายปรีชา ศรีเจริญ ทนายความของนายสุรพงษ์ ได้ยื่นขอประกันตัวทันทีโดยให้เหตุผลว่า นายสุรพงษ์ มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและความดัน ต้องกินยาเป็นประจำทุกวัน

“ศาลเมตตาให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ แต่เพิ่มวงเงินประกันจากเดิม ที่มีหลักประกันเดิมก่อนหน้านี้ 3 ล้าน เป็น 5 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายสุรพงษ์ ก็ให้คำยืนยันต่อศาลว่าจะไม่หลบหนี” นายปรีชา กล่าวกับผู้สื่อข่าว

ในปี 2552 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ถอนพาสปอร์ตของนายทักษิณ เพราะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงในการล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่จัดขึ้นในพัทยา และเหตุการณ์ประท้วงจนมีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพ ในวันช่วงวันสงกรานต์ของปีเดียวกัน ก่อนที่นายนายสุรพงษ์ จะคืนพาสปอร์ตให้

รัฐธรรมนูญใหม่ ให้อุทธรณ์ได้

เหตุที่นายสุรพงษ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถประกันตัวและยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลได้นั้น เป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับใหม่ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 โดยเปิดโอกาสให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาด้วยตัวเองภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีคำพิพากษาของศาลฯ

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ จะได้ปรึกษาทีมทนายความในการยื่นฟ้องร้องต่อศาลแพ่งในการเรียกร้องค่าเสียหาย กรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. มีมติถอดถอนนายสุรพงษ์ ให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 โดยนายสุรพงษ์อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายสุรพงษ์ นับเป็นคนที่ 9 ที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดย สนช. ชุดปัจจุบันที่ได้รับการคัดเลือกมาจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง