ศาลฎีกาสั่งจำคุกตลอดชีวิต 4 จำเลย ยิงเอ็ม 79 ใส่ที่ชุมนุมกปปส. ปี 57

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.08.22
กรุงเทพฯ
TH-protesters-1000 กลุ่มต่อต้านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังฟังการปราศัยของแกนนำ กปปส. ที่เวทีราชดำเนิน ก่อนการรัฐประหารในวันถัดมา ภาพเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2557
เบนาร์นิวส์

ในวันอังคารนี้ (22 สิงหาคม 2560) ศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตสี่มือยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชประสงค์ เมื่อปี 2557 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 21 ราย

โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ผู้ชุมนุมที่นำโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชประสงค์จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 4 ราย แต่เนื่องจากการรับสารภาพในชั้นสอบสวนจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

คดีหมายเลขดำที่ 3734/2557 และหมายเลขแดงที่ 2994/2558 ซึ่งอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้พิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชัชวาล ปราบบำรุง นายสมศรี มาฤทธิ์ นายสุนทร ผิผ่วนนอก และ นายทวีชัย วิชาคำ เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ โดยฟ้องจำเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันยิงกระสุนระเบิดขนาด 40 มม. ด้วยเครื่องยิงชนิดเอ็ม 79 ไปตกลงบริเวณที่ชุมนุมของ กปปส. ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 9 ราย ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ 12 ราย และทำให้แผงร้านค้า รถสามล้อที่จอดอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย

“ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คือ ตัดสินประหารชีวิตในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธไปที่สาธารณะ แต่การสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษ 1 ใน 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษคงเหลือจำคุกตลอดชีวิต และพกพาอาวุธคงเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมโทษแล้วศาลให้ลงโทษเพียงสถานเดียว คือ จำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น” น.ส.ภาวิณี ชุมศรีเปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ โดยอ้างการสรุปของเสมียนทนายความที่เข้าฟังการอ่านคำพิพากษา

ต่อประเด็นที่ จำเลยยื่นฎีกาว่า ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายให้สารภาพระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร ศาลเห็นว่า เป็นเพียงการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานเพียงพอ ประเด็นนี้จึงตกไป

“จำเลยกล่าวอ้างว่า ระหว่างที่อยู่ในการควบคุมตัวของทหารตามกฎอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน มีการทำร้ายร่างกายเพื่อให้สารภาพ ศาลเห็นว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น และในตอนที่ถูกส่งต่อให้ตำรวจ ก็ไม่มีการแจ้งต่อพนักงานสอบสวนในเรื่องนี้ อีกทั้งจำเลยที่ 1 ที่เข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่ม นปช. น่าจะเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นอย่างดี แต่เมื่อมีการนำตัวมาแถลงข่าว และทำแผน ก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ และหากมีการทำร้ายร่างกายจำเลยทั้ง 4 จริง วันแถลงข่าวและทำแผนก็น่าจะปรากฏร่องรอยอยู่บ้าง” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ

คำพิพากษายังระบุว่า ประเด็นที่จำเลยทั้ง 4 ยื่นฎีกาว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการกระทำต่อตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ซึ่งเป็นผู้ทำผิดกฎหมายอาญาในการชุมนุมทางการเมือง ศาลพิจารณาว่า จำเลยทั้ง 4 ได้กระทำความผิดต่อผู้ชุมนุม กปปส.ไม่ได้กระทำต่อนายสุเทพ ประเด็นนี้จึงฟังไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายอานนท์ นำภา และ น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความของคดีนี้ ปฎิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา

จำเลยทั้ง 4 คน ถูกจับกุมระหว่างวันที่ 6-8 กรกฎาคม 2557 โดยทหารและใช้อำนาจควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งจำเลยทั้ง 4 คน ถูกนำตัวไปสอบสวนในค่ายทหาร ก่อนถูกส่งตัวเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจำเลยทั้งสี่ อ้างว่าระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหารถูกซ้อมทรมาน

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2558 ศาลชั้นต้นตัดสินให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 4 ราย ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธไปที่สาธารณะ อีก 2 ปี แต่การสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษ 1 ใน 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนลงโทษ คงเหลือจำคุกตลอดชีวิต และพกพาอาวุธคงเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน เมื่อรวมโทษแล้ว ศาลให้ลงโทษเพียงสถานเดียว คือ จำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น

ขณะคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 มีความเห็นยืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษประหารชีวิต ก่อนลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากจำเลยทั้งหมดสารภาพในชั้นสอบสวน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง