เปรมชัย ตื่นเต้นสืบพยานจำเลยนัดแรกในคดีล่าเสือดำ
2018.12.19
กาญจนบุรี
ในวันพุธนี้ นายเปรมชัย กรรณสูต และจำเลยร่วมในคดีล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร รวม 4 ราย ได้เดินทางมาขึ้นศาลจังหวัดทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยทนายความ ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก โดยนายเปรมชัยกล่าวเพียงว่า รู้สึกตื่นเต้น และปล่อยให้ชะตาขึ้นกับการตัดสินของศาล
นายเปรมชัย ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ตกเป็นจำเลยที่หนึ่งในคดีนี้ เดินทางมาถึงศาลในเวลา 08.20 น. ซึ่งก่อนการขึ้นศาลนายเปรมชัยได้กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า “ตื่นเต้น ตื่นเต้น” แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม
การสืบพยานฝ่ายจำเลยวันนี้ ตามกำหนดเดิมมีนัดทั้งหมด 4 ปาก แต่สามารถสืบจริงได้เพียง 2 ปาก คือ นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 และนายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 โดยหลังเสร็จสิ้นกระบวนการที่ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง นายเปรมชัยกล่าวเพียงสั้นๆ กับสื่อมวลชนว่า “เหนื่อย (การตัดสิน)ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล”
ในคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เนื่องจากพบซากไก่ฟ้าหลังเทา หมูป่า และเสือดำ พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ใกล้บริเวณเต้นท์ค้างแรมของคนกลุ่มดังกล่าวในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ต่อมา นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 ถูกตั้ง 6 ข้อหา คือ 1. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4. ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต 5. ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย และ 6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ถูกตั้งข้อหาแตกต่างกันไป โดยมีอัยการฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 เป็นโจทก์ฟ้อง ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดสืบพยานโจทก์ ระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน วันที่ 6-7, 11-13 และ 18 ธันวาคม 2561 32 ปาก และนัดสืบพยานจำเลย 8 ปาก ในวันที่ 19-21 และ 25-27 ธันวาคม 2561
ด้าน นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ หนึ่งในทีมทนายความของฝ่ายจำเลยกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า นายเปรมชัยมีสุขภาพที่ดีขึ้น และจำเลยมีความพร้อมสำหรับการสืบพยาน
“เรามีพยานหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะไม่มีเบิกความเพิ่ม” นายกิจจา กล่าวแก่สื่อมวลชน ถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า อาจมีการขอเพิ่มพยานสำหรับฝ่ายจำเลย
ด้าน นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ กล่าวว่า ในวันนี้ สามารถสืบพยานได้เพียง 2 ปาก ยังเหลือพยาน จำเลยอีก 6 ปาก
“จำเลยสืบพยานไปสองปาก เราก็ซักค้าน ไม่ได้พึงพอใจอะไร เป็นเรื่องปกติของการทำงาน สืบพยานเสร็จภายในปีนี้แน่ แต่ตัดสินเมื่อไหร่ไม่ทราบ เพราะต้องส่งภาค” นายสมเจตน์ กล่าว
ขณะเดียวกัน น.ส.อรยุพา สังขะมาน หัวหน้าฝ่ายวิชาการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ซึ่งเดินทางมาเข้าฟังการพิจารณาคดีในฐานะผู้สังเกตการณ์ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
“มาฟังการพิจารณามาติดตาม ขออนุญาตเข้าห้องพิจารณาด้วย เพราะทำหนังสือมาจนถึงวันพิพากษา ท่านก็อนุญาต ที่ผ่านมาเห็นว่าทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดและเต็มที่ ยังคงมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ต้องเชื่อมั่นไว้ก่อนทุกคนต้องมีความหวัง” น.ส.อรยุพา กล่าว
นอกจากคดีล่าเสือดำแล้ว นายเปรมชัยยังมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะจำเลยและผู้ต้องหาอีก 3 คดี คือ คดีที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ ในข้อหาครอบครองงาช้างแอฟริกา โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเบื้องต้นนายเปรมชัยปฏิเสธข้อกล่าวหา
คดีที่พนักงานอัยการภาค 7 ตั้งข้อหาร่วมกันติดสินบนเจ้าหน้าที่ ซึ่งเบื้องต้น นายเปรมชัยได้ให้การปฎิเสธข้อกล่าวหา และคดีที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ จากความผิดในการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลจำนวน 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม นายเปรมชัยได้ให้การปฎิเสธ เช่นกัน