อัยการสั่งฟ้องพระพุทธอิสระและพวก 13 คน ข้อหากบฏ ขวางเลือกตั้ง

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2018.03.14
กรุงเทพฯ
180314-TH-demonstrator-1000.jpg พระพุทธะอิสระพูดปลุกเร้าให้ประชาชนเดินขบวนขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556
ภิมุข รักขนาม/เบนาร์นิวส์

อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้นำตัวพระพุทธะอิสระ และแกนนำ กปปส. รวม 14 ราย ส่งฟ้องต่อศาลในวันพุธนี้ โดยให้เอาผิดใน 8 ข้อหา เช่น กบฎ อั้งยี่-ซ่องโจร และขัดขวางการเลือกตั้ง ก่อนศาลอนุญาตให้จำเลยทั้งหมด ได้ประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 6 แสนบาท

พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม แกนนำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในชื่อ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ และรับทราบข้อกล่าวหา ที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ พร้อมกับแกนนำซึ่งถูกฟ้องอีก 13 คน ระบุว่า ในการต่อสู้คดีจะขอให้ศาลเรียกเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนครั้งนั้นๆ มาขึ้นศาล เพื่อความสะดวกกับผู้ต้องหาแต่ละราย

“ได้ปรึกษากับทนายตกลงเป็นว่า เราจะขอความเมตตาต่อศาลเป็นไปได้ไหมกับการสอบสวน หรือสืบสวนที่ไม่เกี่ยวกับจำเลยผู้ใด ก็ไม่ควรให้จำเลยผู้นั้นต้องมากันทุกรอบ ไม่ใช่เหมามาทั้งเข่ง แล้วก็มานั่งฟัง ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา เรามีสิทธิจะค้านต่อศาล(ในการยื่นรวมสำนวน)” พระพุทธอิสระกล่าว

วันนี้ อัยการได้สั่งฟ้อง จำเลยที่ 1-14 ประกอบด้วย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ นายถนอม อ่อนเกตุพล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พระพุทธอิสระ นายสาธิต เซกัลป์ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี พล.อ.ท.วัชระ ฤธาคนี พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ นายแก้วสรร อติโพธิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ สนับสนุนและร่วมกันสนับสนุนในความผิดกบฏ ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน ร่วมกันปิดงานงดจ้าง กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายฯ อั้งยี่-ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ โดยมีอาวุธ หรือเป็นหัวหน้า หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ  เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก บุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป หรือในเวลากลางคืน และร่วมกันกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางไม่ให้ผู้มีสิทธิไปเลือกตั้ง และทำให้เสียทรัพย์ รวม 8 ข้อหา

ทั้งนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 91 ท้ายฟ้อง อัยการยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่ง เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้ง 14 คน มีกำหนด 5 ปีด้วย

การส่งฟ้องวันพุธนี้ ถือเป็นการฟ้องครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 อัยการได้สั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 9 คนไปแล้ว ใน 9 ข้อหา โดยการฟ้องครั้งแรกถือเป็น 1 สำนวนฟ้อง ขณะที่ ยังมีผู้ถูกกล่าวหาอีก 30 รายที่พนักงานอัยการรอการส่งฟ้องอยู่ ซึ่งจะได้แจ้งให้เข้ารายงานตัวในภายหลัง

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจจำเลยทั้งหมด ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า จะขอคัดค้านการรวมสำนวนคดีของตนเอง และจำเลย 9 คน ซึ่งถูกฟ้องไปเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 กับจำเลยทั้ง 14 คนที่ถูกส่งฟ้องในวันพุธนี้ เนื่องจากเห็นว่า การไม่รวมสำนวนจะเป็นประโยชน์กับจำเลยกลุ่มที่ 2

“มันน่าจะเป็นไปได้ ถ้าอัยการใจกว้างหน่อยพิจารณาว่า นายสุเทพกับพวก 9 คน ก่อการร้าย ก่อกบฎ เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร จริงหรือเปล่า ก็ไม่สายที่จะฟ้องท่านเหล่านี้ทีหลัง แต่อัยการใช้ดุลยพินิจยังไงไม่ทราบ เลือกจะไม่ทำแบบนั้น จำเลยเป็นจำเลยชุดที่ 2 ที่ทางอัยการสูงสุดส่งฟ้องศาลคดีกบฎ อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุกสถานที่ราชการ และขัดขวางการเลือกตั้ง” นายสุเทพกล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง