โรงแปรรูปไม้ยางในยะลาปิดตัวนับสิบแห่ง หลังจีนลดการรับซื้อ
2018.10.19
ปัตตานี

ในปี 2561 นี้ ในจังหวัดยะลามีโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราปิดตัวนับสิบบริษัท หลังจากภาวะราคาไม้ยางพาราตกต่ำ เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักลดปริมาณการรับซื้อ เพราะมีปัญหาทางการค้ากับสหรัฐ
นายอุสมาน มูดอ ผู้รับซื้อไม้ยางพาราจากจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า การที่จีนลดการรับซื้อไม้ยางพาราจากประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราในจังหวัดยะลามาก ทำให้มีโรงงานหลายแห่งตัดสินที่จะปิดกิจการแล้ว
“ตอนนี้ จีนกดดันราคา มีมาตรการในการรับซื้อไม้ยางไม้แปรรูป จึงทำให้ไทยเราได้รับผลกระทบ ชาวสวนได้รับผลกระทบในพื้นที่ มีโรงงานหรือบริษัทรับซื้อไม้ยางและแปรรูปไม้ยางที่ส่งออกประเทศจีน ปิดตัวลงประมาณสิบบริษัท เฉพาะในจังหวัดยะลา ก็ถือว่า ส่งผลกระทบมาก และจะยังส่งผลกระทบเช่นนี้อีกนาน ถ้าหากไทยยังไม่มีมาตรการในการแปรรูปยางพาราและไม้ยางใช้ภายในประเทศ” นายอุสมาน กล่าว
“ปัจจุบันไม้ยางราคา 1.6 บาท ต่อกิโลกรัม และอีกสองเดือนข้างหน้าไม่รู้จะลดลงอีกหรือไม่ ถ้าหากว่ามีการชะลอการส่งไม้ยางแปรรูปไปจีนจริงตามข่าว ชาวบ้านก็จะได้รับผลกระทบอีกหลายทอด จากต้นน้ำ คือชาวสวนยาง คนรับซื้อไม้ยาง โรงงาน และอีกหลายกลุ่มที่มีความเกี่ยวโยงกับอาชีพนี้ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหา โดยเฉพาะการใช้ในประเทศ จะได้ไม่ต้องง้อประเทศอื่น” นายอุสมาน กล่าวเพิ่มเติม
น.ส.พารีดะ สะมะแอ พนักงาน บริษัท ไม้ดี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจีนซึ่งรับซื้อไม้ยางพาราจากประเทศไทยลดการสั่งซื้อ และกำหนดราคารับซื้อที่ถูกเกินไปทำให้หลายบริษัทในจังหวัดยะลาได้รับผลกระทบ ในตอนนี้
“ขณะนี้ โรงงานไม้ยางในพื้นที่ปิดตัวลงจำนวนมาก เพราะไม่มีออเดอร์จากประเทศจีนเลย บางบริษัทต้องปิดตัวลงเพราะ จีนรับซื้อในราคาที่ถูกเกิน ในส่วนของบริษัทเรา ถือว่าทำอยู่ออเดอร์น้อยลง แต่ก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ ได้ ยังคงรับซื้อในราคา 1.6 บาทต่อกิโลกรัมเท่าเดิม แต่หลังจากนี้ก็คาดเดายาก” น.ส.พารีดะ กล่าว
เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่จังหวัดตรัง สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงเลื่อยและโรงอบไม้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เรียกตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปยางพาราจากทั่วประเทศราว 100 ราย เพื่อประชุมหาทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไม้ยางพาราในตลาดจีน
นายอดิศร ตันเองชวน ประธานสภาอุตสาหกรรมกลุ่มโรงเลื่อย และโรงอบไม้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวในที่ประชุมว่า การลดการสั่งซื้อจากประเทศจีน ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนกับอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา
“ปัญหาวิกฤติส่งออกไม้ยางพาราไปประเทศจีน เริ่มมีมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา หรือเป็นเวลาประมาณ 10 เดือนแล้ว หลายบริษัทในจีนต้องปิดตัวลง ยกเลิกออเดอร์ และส่วนที่เหลือได้ชะลอการสั่งซื้อ สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาการกีดกันทางการค้าของประเทศจีนกับอเมริกา ทำให้สินค้าที่ไทยผลิตล้นอยู่ในโกดังเป็นจำนวนมาก ราคาไม้ยางพาราลดลงอย่างต่อเนื่อง” นายอดิศร กล่าว
“ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโรงเลื่อย และโรงงานต่างๆ ที่เคยทำสัญญาค้าขายกับบริษัทต่างๆ ในจีนเดือดร้อนหนัก ลดกำลังการผลิตเหลือประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ส่งแรงงานต่างด้าวกลับประเทศเป็นจำนวนมาก ราคาไม้ยางภายในก็ตกต่ำ ไม้ท่อนที่นำมาป้อนโรงงานก็ลดลงจาก ราคาตันละ 2,500-2,700 บาท เหลือไม่เกิน 1,500-1,700 บาท” นายอดิศร กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบัน ไม่มีการงดส่งไม้ไปยังประเทศจีน แต่ชะลอการส่งออก
“แค่ลดจำนวน เพราะสงครามการค้าไม่ได้ยกเลิกทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลก็จะมีการส่งเสริมการแปรรูป ภายในประเทศเพิ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างกำลังดำเนินการ ส่วนจะใช้วิธีไหนอยู่ระหว่างหารือ” นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติม