ศาลทหารปล่อยตัว 7 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ชี้ไม่มีเหตุให้ฝากขังต่อ

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.07.05
กรุงเทพฯ
TH-students-arrest-620 ประชาชนเรียกร้องให้ปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหานักศึกษาและนักกิจกรรม 13 คน ที่หน้าศาลทหาร กรุงเทพ ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2559
ภาพโดย แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

ในวันอังคาร (5 กรกฎาคม 2559) นี้ ศาลทหาร กรุงเทพฯ พิจารณายกคำร้องที่พนักงานสอบสวนขอฝากขังผลัดสองต่อเจ็ดนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ส่งผลให้นักศึกษาทั้งหมดจะถูกปล่อยตัวในเช้าวันพุธนี้ โดยศาลชี้ว่า พนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมหลักฐานได้ครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีเหตุให้ต้องฝากขังต่อ

โดยในวันนี้ประชาชนจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจนักศึกษากลุ่มดังกล่าว ที่หน้าศาลทหาร ขณะเดียวกันองค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลได้เรียกร้องให้ยกเลิกข้อกล่าวหาของนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวทั้งหมด

“วันนี้ ครบฝากขังครั้งที่หนึ่งของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนก็เลยมายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่สอง ทางผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ก็ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังไปเป็นคำร้องหนึ่งชุด และขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวนเรื่องเหตุจำเป็นของการฝากขัง ศาลบอกว่า ที่พนักงานสอบสวนยื่นฝากขังไม่มีเหตุจำเป็น เนื่องจากการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ต้องหาแล้ว ให้ยกคำร้องของพนักงานสอบสวน” นายวีรนันท์ ฮวดศรี หนึ่งในทนายความของนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ กล่าวผ่านโทรศัพท์ต่อเบนาร์นิวส์

ทนายวีรนันท์เพิ่มเติมว่า นักศึกษาทั้งหมดจะถูกปล่อยตัวในเช้าวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2559 และตามกระบวนการทางกฎหมายถือว่าคดียังอยู่ในขั้นตอนการพิพากษา เพียงแต่อนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา ซึ่งศาลจะได้นัดให้นักศึกษามาให้ปากคำ และสืบพยานเพิ่มเติมในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการนัดหมายใดๆ

การคุมตัวนักศึกษาทั้ง 7 คน เกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 นักศึกษากลุ่มนี้ และนักเคลื่อนไหวกลุ่มสหภาพแรงงานไทรอัมพ์รวม 13 คน ได้จัดกิจกรรมแจกแผ่นพับ และเอกสารให้ความรู้เรื่องร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ ที่หน้านิคมอุตสาหกรรมบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ส่งผลให้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจับกุม และตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่องชุมนุมทางการเมืองจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และข้อหาตามพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 โดยหลังการจับกุมมีผู้ขอประกันตัว 6 คน คือ นางสาวกรชนก ธนะคูณ นางสาวเตือนใจ แวงคำ นางสาวปีใหม่ รัฐวงษา นายวรวุฒิบุตรมาตร นายรักษ์ชาติ์ วงษ์อธิชาติ และนางสาวพรรณทิพย์ แสงอาทิตย์

ขณะที่นักศึกษาที่เหลือ 7 คน ประกอบด้วยนายรังสิมันต์ โรม นายอนันต์ โลเกตุ นายยุทธนา ดาศรี นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายธีรยุทธ นาบนารำ นายสมสกุล ทองสุกใส และนายนันทพงศ์ ปานมาศ ได้ปฎิเสธการขอประกันตัว เนื่องจากเชื่อว่าการกระทำของกลุ่มไม่ถือเป็นความผิด ทั้งหมดจึงถูกนำตัวไปฝากขัง ผลัดแรก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในกลางดึกของวันที่ 24 มิถุนายน 2559

เรียกร้องยกเลิกข้อกล่าวหานักศึกษาและนักกิจกรรมทั้งหมด

ในวันเดียวกันองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ออกปฏิบัติการด่วน เชิญชวนผู้สนับสนุนทั่วโลกร่วมเขียนจดหมายที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัว และยกเลิกข้อกล่าวหาต่อ 13 นักศึกษาและนักกิจกรรมทั้งหมดด้วย

“กระตุ้นให้ทางการไทยปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และให้ยกเลิกข้อหาทั้งหมดต่อนักศึกษาและนักกิจกรรมทั้ง 13 คนโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข กระตุ้นให้ทางการไทยยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ รวมทั้งในระหว่างที่ดำเนินการตามแผนการปฏิรูปการเมือง” ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ปฎิบัติการด่วนฯ

โดยแอมเนสตี้ฯ เชิญชวนสมาชิกจะส่งจดหมายเรียกร้องดังกล่าวไปถึงพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2559

ต่อกรณีนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า จะไม่มีการผ่อนปรนใดๆให้นักศึกษากลุ่มดังกล่าว แม้จะมีการเรียกร้องจากนักวิชาการ และองค์กรสิทธิมนุษยชนก็ตาม

“ไม่เซ็น คุยกันมากี่รอบแล้ว สัญญามากี่ครั้งแล้วก็ไม่จบ ไม่เลิก ไม่ยอมออกจากคุก ประกันก็ไม่ออก แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรเขา จะให้อุ้มมาหรือไง” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พลเอกประยุทธ์ ยังระบุว่า การปิดช่องโทรทัศน์พีซทีวีของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล แต่ถ้าหากปัญหาบานปลายกลายเป็นความวุ่นวาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นผู้จัดการปัญหาเอง

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง