กองทัพบก : ไม่มีนโยบายใช้ทวิตเตอร์เพื่อไอโอ ดังที่ทวิตเตอร์ระบุ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2020.10.09
กรุงเทพฯ
201009-TH-twitter-army-1000.jpg โลโก้ของทวิตเตอร์ หนึ่งในโซเชียลมีเดียของสหรัฐอเมริกา ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือ วันที่ 27 พฤษภาคม 2563
เอเอฟพี

ในวันศุกร์นี้ โฆษกกองทัพปฏิเสธผ่านสื่อมวลชน กรณีข้อมูลของทวิตเตอร์ที่ระบุว่า ทวิตเตอร์ได้ปิด 926 บัญชีทวิตเตอร์ ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกองทัพบก และใช้เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของรัฐบาล โดยกล่าวว่า กองทัพบกไม่มีนโยบายในการเปิดบัญชีทวิตเตอร์ เพื่อใช้การต่อสู้ด้วยข้อมูลข่าวสาร ขณะเดียวกัน โฆษกพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคก้าวไกลโจมตีว่า รัฐบาลพยายามให้ข้อมูลบิดเบือนบนอินเทอร์เน็ต

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก กล่าวแก่สื่อมวลชนในวันนี้ว่า กองทัพบกใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรเท่านั้น มิได้ใช้เพื่อหวังผลทางการเมือง

“ในสื่อโซเชียลทั้งหมดที่กองทัพบกได้ใช้ ขอยืนยันว่า เพื่อการประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบก โดยเฉพาะงานที่สำคัญที่สุดของกองทัพบก ก็คือ การช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่าง ๆ จะมีการควบคุมโดย คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ ก็จะกำหนดว่าของหน่วยเป็นยังไง ขั้นต้นเรามีการประสานงานไปแล้วว่า เราไม่ได้ใช้ในลักษณะอย่างนี้ ตามที่ได้ถูกปิดหรือถูกกล่าวหา” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว

“พวกเราก็คงจะเห็นแล้วว่า ประเทศไทยในขณะนี้ รวมทั้งภูมิภาค จะมีสถานการณ์ที่วิกฤตเสมอ เช่น ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากพายุ จะเกิดขึ้นบ่อยมาก นั่นคือสิ่งที่จะนำสื่อโซเชียลต่าง ๆ เพื่อที่จะมารายงานเหตุการณ์ ติดตามสถานการณ์ หรือสั่งหน่วยนั้นให้ไปทำหน้าที่ให้เร็วที่สุด ให้เข้าพื้นที่ให้เร็วที่สุด นั่นคือ สิ่งที่กองทัพบกได้ใช้ขั้นต้นนี่เรามีการประสานงานไปแล้ว ยืนยันไปแล้ว ยืนยันว่าเราไม่ได้ใช้ในลักษณะตามที่ได้ถูกปิด หรือถูกกล่าวหา” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว

พล.ท.สันติพงศ์ ระบุว่า กองทัพบกจะได้ทำการตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ของกองทัพบกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ทวิตเตอร์ในลักษณะที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะตรวจสอบได้มากน้อยเพียงใด และชี้ว่า การทำงานด้านสื่อสังคมออนไลน์ของกองทัพบกทั่วประเทศ มีการควบคุมดูแลโดยคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์

ขณะเดียวกัน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นกองทัพบกจะได้มีการประสานตรวจสอบข้อมูลกับทวิตเตอร์ อย่างไรก็ตามจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยนั้น เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับทางกองทัพ เนื่องจากการวิเคราะห์ของทวิตเตอร์ขาดข้อมูลเชิงลึก และบัญชีผู้ใช้ระบุตัวตนไม่ได้ เป็นการเน้นเรื่อง จำนวน, ความถี่, การแฮชแท็ก ซึ่งบุคคลทั่วไป สามารถกระทำในลักษณะดังกล่าวได้โดยอิสระ

การชี้แจงของกองทัพบกสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2563 ทวิตเตอร์ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านบทความในบล็อกของทวิตเตอร์เอง ที่ระบุว่า ทวิตเตอร์ได้ทำการปิดบัญชีทวิตเตอร์ 1,594 บัญชี หลังจากได้รวมรวมข้อมูล และวิเคราะห์แล้วพบว่า เชื่อมโยงกับรัฐบาลของประเทศอิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย คิวบา รัสเซีย และไทย เนื่องจากการกระทำในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นภัยต่อระบบของทวิตเตอร์ โดยสำหรับประเทศไทยนั้น ถูกปิด 926 บัญชี ซึ่งถือว่ามากที่สุดใน 5 ประเทศที่ทวิตเตอร์ตรวจพบ

“การตรวจสอบของเราพบความเชื่อมโยงของบัญชี ซึ่งมีลักษณะเป็นปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสาร (Information operation - IO) และบัญชีเหล่านั้นเชื่อมโยงกับกองทัพบกไทย โดยเป็นบัญชีที่เขียนข้อมูลสนับสนุนการทำงานของกองทัพบก และรัฐบาล ขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง” ทวิตเตอร์ ระบุ และข้อมูลดังกล่าวปรากฏในรายงานที่เผยแพร่โดย กลุ่มสังเกตุการณ์อินเทอร์เน็ตแสตนฟอร์ด ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้เขียนข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจส่วนตัว เรียกร้องให้ทวิตเตอร์ดำเนินการปิดบัญชีที่รัฐบาลไทยได้ทำการร้องขอด้วยเช่นกัน

“ผมรู้สึกแปลกใจที่ทวิตเตอร์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ และโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ แทนที่จะดำเนินการตามคำสั่งศาลของกฎหมายไทยที่ได้มีคำสั่งให้ปิดกั้น หรือลบบัญชีของผู้ที่โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันหลักของไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราได้ส่งคำสั่งศาลไปแล้ว แต่ทวิตเตอร์ยังเพิกเฉย ไม่ทำการลบให้ จำนวน 65 รายการ และอีก 1 ชุดที่กำลังจะส่งไปเพิ่มเติม อีกจำนวน 253 รายการ” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

พรรคฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาล ใช้ข้อมูลบิดเบือน สร้างความแตกในหมู่ประชาชน

หลังการเปิดเผยข้อมูลของทวิตเตอร์ นางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แถลงโจมตีการทำงานของรัฐบาลที่พยายามใช้ข้อมูลบิดเบือน เพื่อสร้างความแตกแยกทางการเมือง

“เป็นสิ่งที่ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชา ได้ใช้กองทัพเป็นเครื่องมือบิดเบือนข้อเท็จจริงทำสังคมเกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดความเข้าใจที่ผิด ๆ ในหมู่ประชาชนและคนรุ่นใหม่ จนลุกลามไปสู่ความเกลียดชังบุคคลและองค์กรต่าง ๆ” นางสาวอรุณี กล่่าว

“สิ่งที่เกิดขึ้นได้สะท้อนถึงการคุกคามของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน ทั้งในเชิงพฤติกรรมที่แสดงออกและในเชิงความคิด เผด็จการซ่อนรูปของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฎิบัติการไอโอ คือเครื่องมือสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทำให้เกิดความหวาดระแวง และความไม่เชื่อใจในหมู่ประชาชนเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลและกองทัพทำแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไร เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลย” นางสาวอรุณี กล่าวเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว เรียกร้องให้ นายพุทธิพงษ์ ดำเนินการกับบัญชีทวิตเตอร์ไอโอของกองทัพบก

“ผมขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีดิจิตอลจัดการผู้อยู่เบื้องหลังบัญชีไอโอของกองทัพ ที่มีส่วนในการสร้างข่าวปลอม และสร้างความเกลียดชัง ท่าน รมต. ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องข่าวปลอม ผมจะรอดูว่า ท่าน รมต. จะมือถือสากปากถือศีลอีกรอบหรือเปล่า” นายรังสิมันต์ ทวีต

“จากข้อมูลชี้ชัดว่ามี IO เพิ่มขึ้นอย่างมากในขณะนั้น และปฏิบัติการอย่างแข็งขัน เพื่อให้กองทัพหลีกพ้นจากความรับผิดชอบ นี่คือการกระทำที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกว่ากองทัพโกหก และไร้ซึ่งเกียรติภูมิ ทั้ง ๆ ที่ระบบ สถานะ และอำนาจของกองทัพแบบที่เป็นอยู่ คือสาเหตุให้ประชาชนต้องเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก กองทัพยังไม่คิดแยแสเลยครับ ทำไมพวกคุณถึงได้เลือดเย็นกับประชาชนขนาดนี้ เลิกโกหกหน้าตายเพราะโป๊ะแตก เรื่องที่หน่วยงานตัวเองเป็นผู้สร้างความเกลียดชังให้สังคมไทยเสียทีครับ” นายรังสิมันต์ ระบุ

ก่อนหน้านี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เปิดเผยต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า พบการข้อมูลที่ระบุว่า กองทัพใช้บัญชีเฟซบุ๊กเพื่อโจมตีผู้เห็นต่างจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยตอบสื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายดังกล่าว

“ขอฟังเขาอภิปรายก่อนว่า จะชี้แจงเรื่องอะไรต่อไป ส่วนเรื่องไอโอ ผมยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะการทำงานโดยปกติแล้ว ผมก็ไม่มีนโยบายให้ทำงานแบบนี้อยู่แล้ว และวันนี้ก็เห็นว่าในโซเชียลมีเดีย มีการกระทำแบบนี้มากมาย ผมเองก็โดนซะเยอะเลยในนั้น เห็นไหมใครทำก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวก็ตรวจสอบอีกทีแล้วกัน ยืนยันว่าไม่มีนโยบายดังกล่าว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี  เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยว่า เอกสารงบประมาณของ กอ.รมน. ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com ที่ถูกเปิดเผยโดย นายวิโรจน์ เป็นเอกสารจริง อย่างไรก็ตาม กอ.รมน. ดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูล เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง มิได้ต้องการจะบิดเบือนข้อมูลแต่อย่างใด

นับตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน ทวิตเตอร์เปิดเผยข้อมูลว่า ได้ทำการลบบัญชีผู้ใช้ไปแล้วกว่า 82,000 บัญชี ในหลายประเทศเช่น จีน อิหร่าน เวเนซูเอลา รัสเซีย รวมทั้งไทย เป็นต้น

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง