เหตุการณ์รุนแรงหวนคืน หลังมารา ปาตานีเปิดตัวไม่นาน โต๊ะอีหม่ามและราษฎรอีกสองคน ถูกยิงเสียชีวิต

นับจากการเริ่มกลับเข้าสู่บรรยากาศของการเตรียมการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2558 หลังจาก คณะผู้แทนรัฐบาลไทยในกระบวนพูดคุยสันติสุข ได้มีการประชุมลับกับกลุ่มร่วมเจรจา มาราปาตานี (MARA Patani) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา

และวันที่ 27 ส.ค. กลุ่มมารา ปาตานี (MARA Patani) ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกต่อสื่อมวลชน และแถลงข่าวแสดงจุดยืน หลังจากที่ได้รวมตัวกันจาก 6 กลุ่ม (เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมและรับรองกลุ่มมาราปาตานี ในวันที่ 5 เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา) ที่กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นแกนกลางในการเจรจากับทางการไทย โดยมีประเทศของมาเลเซีย เป็นผู้ประสานการประชุม

โดยมี นาย อาวัง ญาบัต เป็นประธานกลุ่มมารา ปาตานี และ นายสุกรี ฮารี ผู้แทนจากกลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นหัวหน้าคณะเจรจาของกลุ่มมารา ปาตานี

ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุก่อความไม่สงบได้หวนกลับมา โดยเกิดขึ้นติดต่อกัน เป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่ 5-9 ก.ย. 2558 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้

เริ่มจากเช้าวันเสาร์ที่ 5 ก.ย. 2558 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้น ลอบยิงโต๊ะอีหม่าม นาย ดอแมง เบญเจะวัน อายุ 77 ปี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านขายอาหาร อ. สายบุรี จ. ปัตตานี ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนและสอบสวน

ต่อมาหลังเที่ยง วันเดียวกัน คนร้ายลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ทหาร ร.151 พัน.2  เหตุเกิด อ. ตากใบ จ. นราธิวาส แต่ระเบิดทำงานก่อนที่เจ้าหน้าที่จะขับถึงที่เกิดเหตุ จึงไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ ส่วนรถของเจ้าหน้าที่ทหารได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่

พลตรี วิทยา อรุณเมที รองแม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า “สถานการณ์ช่วงนี้ ถือว่าดีขึ้น เป็นไปตามนโยบายของ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติงานเชิงรุกในหมู่บ้านเป้าหมายในช่วงที่ผ่านมา โดยเน้นเรื่องการสร้างความเข้าใจ ลดเงื่อนไข และหน่วยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ในระดับพื้นที่ตามความเหมาะสมที่สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคคลเป้าหมาย เรามีเวลาไม่มากแล้ว ในการทำความเข้าใจและแก้ปัญหา เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่”

เที่ยงวัน วันที่ 6 ก.ย. เกิดเหตุระเบิดจักรยานยนต์แสวงเครื่อง บรรจุถังแก๊สหุงต้ม ขนาด 15 กก.และจุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร บริเวณริมถนน ต. ตะโล๊ะดือรามัน อ. กะพ้อ จ. ปัตตานี แรงระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจ 4403ได้รับบาดเจ็บสี่นาย คือ 1. ร.ต. มนัส ทองเงิน รอง ผบ.ร้อย.ทพ. 4403 ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหน้า และแขนซ้าย 2. อส.ทพ.เทพธารา ชลสายธาร ถูกสะเก็ดบริเวณใบหน้าด้านซ้าย 3. อส.ทพ.บัญชา อภัยจิตร ถูกสะเก็ดระเบิด  บริเวณแขนซ้าย และหูขวา ซึ่งทั้งสามอยู่ในอาการปลอดภัย ส่วนรายที่ 4 อส.ทพ.ธีรศักดิ์ กอยนาพันธ์ อาการปอดฉีก แพทย์ยังต้องดูอาการอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลปัตตานี

หน่วยทำลายวัตถุระเบิดเฉพาะกิจอโณทัย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้เปิดเผยสถิติระเบิดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2547 ถึงปลายเดือนกรกฎาคม 2558 ร่วม 11 ปีกว่ามานี้ ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดในพื้นสามจังหวัดชายแดนใต้ และสี่อำเภอในจังหวัดสงขลา ประมาณกว่า 3,300 ครั้ง

ต่อมาเมื่อบ่ายวันที่ 7 ก.ย. มีเหตุคนร้ายลอบยิงราษฎร บริเวณบ้านบาตะดีงี ต.กอตอตือละ อ. รามัน จ. ยะลา เป็นเหตุให้ นายสุริยา สะหะโด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นโดยคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก จึงถูกนำส่งโรงพยาบาลรามัน จ.ยะลา ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน

ส่วนเช้าวานนี้ วันที่ 8 ก.ย. เกิดเหตุคนร้ายจำนวนสองคน ใช้อาวุธปืนสงครามลอบยิง พนักงานขับรถเก็บขยะ เทศบาลปะนาแระ จ.ปัตตานี เหตุเกิดริมถนนภายในหมู่บ้านปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้ นายอนันต์  ฟองนวล อายุ 51 ปี ถูกยิงบริเวณลําตัวหลายนัด เสียชีวิต ขณะที่นายอนันต์ พร้อมเพื่อนอีก 4 คน กําลังปฏิบัติหน้าที่เก็บขยะ ภายในเขตพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนเพื่อนในทีมปลอดภัย ประเด็นและสาเหตุเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

ก่อนเที่ยงวันที่ 9 ก.ย. เกิดเหตุราษฎรถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นเข้าที่ศีรษะ ทำให้เสียชีวิตทันทีหนึ่งราย ชื่อ นาย ยูโซ๊ะ จะแนะ อายุ 56 ปี เป็นประธานอาสาสมัครสาธารณสุข อ.ระแงะ และบาดเจ็บอีกหนึ่งราย คือ นายทรงพล ดือเร๊ะ อายุ 34 ปี ถูกยิงที่ศรีษะ 1 นัด อาการสาหัส และยังไม่พ้นขีดอันตราย โดยแพทย์ได้นำส่งไปรักษาตัวต่อ ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ สถานที่เกิดเหตที่บริเวณเพิงขายของชำ ริมถนนสายบ้านฮูลู-กาลิซา จาก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ