รองนายกฯ จะอนุญาตพรรคการเมืองเริ่มหาเสียงในเดือนธันวาคม 61
2018.08.31
กรุงเทพฯ

ในวันศุกร์นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะอนุญาตให้พรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้งได้ หลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ฯ มีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2561 ด้านตัวแทนพรรคการเมืองเชื่อว่า เวลาเลือกตั้งน้อยไม่กระทบคะแนนเสียง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนที่กระทรวงแรงงาน ถึงกรอบเวลาที่รัฐบาลจะอนุญาตให้พรรคการเมืองสามารถหาเสียงได้ว่า การหาเสียงจะสามารถทำได้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 90 วัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาได้ในเดือนกันยายนนี้ และมีผลบังคับในอีก 90 วัน
“กฎหมายพรรคการเมืองออกมาแล้วค่อยว่ากัน ออกมา 90 วันถึงจะใช้ได้” พล.อ.ประวิตรกล่าวตอบ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะอนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้เมื่อใด
“ในเรื่องของนโยบายการโฆษณาชวนเชื่อ การหาเสียง ถ้ามันผิดกฎหมาย มันก็ไม่ได้... อันไหนถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมายก็ไม่เป็นไร พ.ร.บ.คอมฯ ถ้าไม่ผิดก็ไม่เป็นไร อย่าโฆษณา เพราะมันต้องไปให้พร้อม ๆ กันทุกพรรคการเมือง ให้เหมือน ๆ กัน” พล.อ.ประวิตร กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้งมี 4 ฉบับ ประกอบด้วย หนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ร.ป.กกต.ฯ) สอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ) ซึ่งถูกประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้แล้วในปัจจุบัน
ส่วนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส.ฯ) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (พ.ร.ป.ที่มา ส.ว.ฯ) ได้ทูลเกล้าฯ แล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2561 ซึ่งจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน เดือนกันยายน 2561 นี้
โดยตามกำหนดการที่รัฐบาลเคยประกาศ หลังจากกฎหมายเลือกตั้งทั้งหมดมีผลบังคับใช้ ก็จะมีการเลือกตั้งภายในระยะเวลา 5 เดือนหลังจากนั้น นั่นคือ สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
การประกาศว่ารัฐบาลจะอนุญาตให้หาเสียงเลือกตั้งได้ 90 วัน หลังจากที่ พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส.ฯ มีผลบังคับใช้ เท่ากับพรรคการเมืองจะเริ่มหาเสียงได้ในเดือนธันวาคม 2561 หรือมีเวลา 2 เดือนก่อนถึงวันเลือกตั้ง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า การอนุญาตให้หาเสียงในเดือนธันวาคม 2561 หรือ 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรค
“การหาเสียงมีเวลา 2 เดือน ไม่น่าจะมีปัญหา คิดว่าทัน แต่ต้องคลายล็อคให้พรรคสามารถทำกิจกรรมบางอย่าง ก่อนมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง เรื่องเลือกตั้ง เขากำหนดมาก็ต้องปฎิบัติการตามนั้น แต่ก่อนเดือนธันวาคม ต้องมีการคลายล็อค ให้ทำการบางเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นอาจต้องมีการเลื่อนโรดแมปเลือกตั้งออกไปอีก” นายนิพิฏฐ์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับการอนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้นั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 แก้ไขคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 ที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่ออนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมซึ่งประกอบด้วย หนึ่ง ให้พรรคจัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ สอง ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ สาม ให้สามารถดำเนินการคัดเลือกผู้สมัครขั้นต้นได้ สี่ ให้ตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ ห้า ให้ติดต่อประสานงานกับสมาชิกพรรคได้ และ หก ให้การแก้ไขข้อบังคับพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อจัดประชุมใหญ่ได้ อย่างไรก็ดี นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าคสช. จะออกคำสั่งอนุญาตดังกล่าวเมื่อใด
ขณะเดียวกัน นายสมคิด เชื้อคง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า พรรคการเมืองใหญ่ เช่น ประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย พร้อมที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทันทีที่รัฐบาลอนุญาต
“เลือกตั้งช้า ไม่น่าจะมีผลกับคะแนนเสียง พรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยพร้อมอยู่แล้ว กล้าพูดแทนได้เลย ขอแค่คลายล็อคก่อน จะได้ไม่เป็นปัญหา การคลายล็อคเร็ว เอื้อประโยชน์พรรคเล็ก หรือเพื่อตัวเองมากกว่า พรรคใหญ่ไม่มีปัญหา กระบวนการทำทันแน่นอน” นายสมคิดกล่าว
ด้านนายฐิติพล ภักดีวานิช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิเคราะห์สถานการณ์ว่า เวลาหาเสียงเลือกตั้งที่สั้นจะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคการเมือง แต่ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า พรรคที่สนับสนุนคสช. หรือทหารจะได้รับเสียงข้างมาก และเชื่อว่า คสช. เอง ก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อได้รับความชอบธรรมในการมีอำนาจต่อ
“เกมมันไม่แฟร์มาแต่ต้นแล้ว มันกระทบแน่ ๆ เพราะการเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรม มันไม่ใช่ดูแค่วันเลือกตั้ง ทุกพรรคต้องมีโอกาสเท่าเทียมกันในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง พรรคที่ถูกมองว่าอยู่ตรงข้ามกับพรรคทหาร ตั้งแต่รัฐประหาร ก็ถูกจำกัดสิทธิมาตลอด และตั้งแต่สัญญาณว่าจะเลือกตั้ง กลุ่มที่สนับสนุนคสช. ก็ได้รับเสรีภาพมากกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พรรคสนับสนุนทหารจะได้เสียงข้างมาก” นายฐิติพลกล่าว