ชาวใต้ต่อคิวรับเงินของขวัญปีใหม่จากรัฐแน่นขนัด

มารียัม อัฮหมัด
2018.12.10
ปัตตานี
181210-TH-deep-south-620.jpg ชาวบ้านจำนวนมากเข้าคิวรอกดเงินของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี วันที่ 10 ธันวาคม 2561
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมากเดินทางไปที่ตู้กดเงินสด เพื่อถอนเงินของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลจำนวน 500 บาท ที่มอบให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ทำให้หลายพื้นที่ต้องเข้าแถวเพื่อรอคิวเป็นระยะเวลานาน โดยพบว่า ประชาชนบางส่วนในหลายพื้นที่ถอนเงินด้วยบัตรกดเเงินสดไม่เป็น จนทำให้เกิดอาชีพรับจ้างถอนเงินและการอาสาถอนเงินขึ้น

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติเงินงบประมาณ เพื่อใช้ดำเนินโครงการต่างๆ ของรัฐบาล โดยหนึ่งในนั้นคือ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ใช้การจ่ายเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการแรก คือ การจ่ายเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล โดยจ่ายให้แก่ผู้มีรายได้น้อยรายละ 500 บาท เริ่มโอนเงินเข้าบัญชีผู้ถือบัตรฯ ทั้งหมด 11.4 ล้านคน ในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2561 เป็นต้นมา แต่หลายๆ คนเข้าใจว่าต้องกดภายในวันนี้เป็นวันสุดท้าย จนทำให้ต่างคนต่างเข้าคิวถอนเงินจากตู้ธนาคารกรุงไทยจนแน่นขนัด

นางซามีนะ เจะแซ ชาวจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมามาเข้าคิวเพื่อกดเงิน 500 บาทดังกล่าว เพราะมีความเข้าใจว่ารัฐบาลให้กดเงินของขวัญนี้ภายในสามวัน จึงต้องรีบมากด

“ตอนนี้ชาวบ้านอีกเยอะที่ยังรอคิวกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย เพราะทุกคนเข้าใจว่าจะต้องกดเงินออกมาภายใน 3 วัน หลังจากเงินเข้าบัญชี เราชาวบ้านไม่รู้หรอกว่าจริงหรือไม่ แต่ทุกคนก็กลัว จึงรีบเข้าคิวกดเงิน” นางซามีนะกล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“คิวยาวก็ต้องทน 500 บาท มันเยอะสำหรับคนจนอย่างเรา จะดึกเราก็ต้องรอ เช้าตีสามคนก็มาเข้าคิวแล้ว เพราะเขาต่างกลัวเงินหายจากบัญชี ได้รับเงินจำนวน 500 บาท รู้สึกดีใจมาก ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่ถูกใจมาก... 500 บาท ก็สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้หนึ่งอาทิตย์” นางซามีนะกล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่นายยงยุทธ แซ่เล้า ชาวจังหวัดยะลา เห็นว่า เงินของขวัญปีใหม่ 500 บาท จากรัฐบาล ช่วยแก้ปัญหาค่าครองชีพระยะสั้นสำหรับชาวบ้านได้จริง

“เห็นว่า เป็นการลดภาระค่าครองชีพ และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนที่ได้รับเงินเป็นอย่างมาก หลายรายพบว่ามียอดเงินเข้าในบัญชี และสามารถถอนออกมาใช้จ่ายได้ทันที” นายยงยุทธ กล่าว

ด้าน นางยารียะ ตีมุง ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยกดเงินด้วยบัตรกดเงินสด (ATM) จึงทำให้เกิดอาชีพรับจ้างกดเงินให้ อย่างไรก็ตามตนเองไม่ได้รับจ้าง แต่อาสานำบัตรของชาวบ้านไปกดเงินแทนเจ้าของบัตรจริง

“มีประสบการณ์มาตลอดตั้งแต่รัฐบาลให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชาวบ้านหลายคนทำไม่เป็น บางคนแก่ บางคนไม่เรียนหนังสือ บางคนจน ไม่มีรถ ทำใหัไม่สามารถเดินทางไปเองได้ บางคนจะรับจ้างทำ เพราะเขาเห็นว่าคนเหล่านี้ ยังไงๆ ต้องจ้าง ก็เลยคิดได้ว่าเราสามารถอาสาไปกดเงินให้เขาได้ เราช่วยเพราะสงสารเขา” นางยารียะกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายดอเลาะ โบ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังจากพยายามรอคิวกดเงินในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ายังไม่มีเงินเข้าบัญชีแต่อย่างใด และพบว่าหลายพื้นที่มีการทะเลาะวิวาท เพื่อแย่งชิงตู้เอทีเอ็มด้วย

“เมื่อวานตอนเข้าแถว มีบางคนมากดเงินจำนวนหลายใบ คิดว่าน่าจะมีของคนอื่นฝากมาเช็คด้วย ก็ทำให้คนข้างหลังไม่พอใจ จนมีการตบตีกัน เพราะต่างคนต่างต้องการใช้ตู้เอทีเอ็ม” นายดอเลาะกล่าวเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะนำให้ผู้มีรายได้น้อยวางแผนการใช้จ่ายในช่วงปลายปีอย่างเหมาะสม

“...เช่น ซื้อสินค้าที่จำเป็นสำหรับครอบครัว หรือใช้เป็นค่าเดินทางกลับภูมิลำเนา หลังรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่าย 500 บาท สามารถกดเป็นเงินสดไปใช้จ่ายเมื่อใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกดภายในสามวันนี้” นายพุทธิพงษ์กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย (ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ด้วยมาตรการอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านผู้สูงอายุ (เกิน 65  ปี) เป็นเงิน 400 บาทต่อเดือน จะเริ่มจ่ายให้ในวันที่ 12 ธันวาคม 2561 และจ่ายไปเรื่อยๆ เป็นระยะเวลา 10 เดือน ค่าดูแลผู้สูงอายุ (อายุเกิน 65 ปี) 1,000 บาทต่อคน เป็นการจ่ายครั้งเดียวในวันที่ 21 ธันวาคม 2561 และค่าไฟฟ้า 230 บาท และค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ตลอด 10 เดือน โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป

มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ว่า ทำไปเพื่อการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้าหรือไม่ ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ พลเอกประยุทธ์ได้กล่าวว่า ที่ต้องช่วยเหลือคนเหล่านี้จำนวนกว่าสิบล้านคนเพราะมีรายได้ปีละไม่ถึง 100,000 บาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง