เจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ 4 ราย ที่ยะลา

มารียัม อัฮหมัด
2025.01.27
ยะลา
เจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ 4 ราย ที่ยะลา เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.ยะลา ปิดทางเข้าออกพื้นที่เกิดเหตุ หลังมีการวิสามัญ ผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ 4 ราย ที่ ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา วันที่ 27 มกราคม 2568
หน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดยะลา

ในช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันจันทร์นี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมจังหวัดยะลา ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยในพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ.จาเราะกาดง ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ก่อนเกิดการปะทะ และมีการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ 4 ราย

พ.อ. เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ในเวลา 05.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมบ้านซึ่งคาดว่าผู้ต้องสงสัยหลบซ่อนอยู่ กระทั่ง 06.00 น. พบการเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัย 

“ระหว่างวางกำลังปิดล้อมพื้นที่บ้านหลังที่ 1 คนร้ายจำนวน 3 คน ได้กระโดดออกมาจากบ้านพร้อมใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี ทำให้เกิดการยิงต่อสู้ หลังเสียงปืนสงบ พบว่ามีคนร้ายทั้ง 3 ราย เสียชีวิตอยู่บริเวณข้างบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าว

พ.อ. เกียรติศักดิ์ ระบุว่า สำหรับบ้านเป้าหมายหลังที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้นำชุมชน และผู้นำศาสนามาช่วยเจรจาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ

“คนร้ายไม่ยอมมอบตัว กลับดึงลูกระเบิดขว้างแสวงเครื่องไปป์บอมบ์ออกมา เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวทำให้คนร้ายเสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 1 ราย” พ.อ. เกียรติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

พ.อ. เกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย 1. นายกามารูดิง สะมะแอ อายุ 42 ปี มีหมายจับ ป.วิอาญา 6 หมาย 2. นายอาบูบากา ยาซิ อายุ 44 ปี มีหมาย ป.วิอาญา 1 หมาย 3. นาย ฮารง แวกือจิ อายุ 47 ปี มีหมาย ป.วิอาญา 6 หมาย และ 4. นายอิรฟาน มะนอมาเน็ง อายุ 24 ปี ไม่พบหมายจับ

ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ปืนไรเฟิลพร้อมกล้องเล็งขนาด 7.62 มม. 1 กระบอก ปืนเล็กยาว เอ็ม 16 เอ 2 จำนวน 1 กระบอก ปืนเล็กยาว เอเค 102 จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดขว้างแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ 1 ลูก เครื่องกระสุนชนิดต่าง ๆ วิทยุสื่อสาร ธงสัญลักษณ์ขบวนการแบ่งแยกดินแดน และเครื่องแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง

“ขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต ได้เน้นย้ำให้เจ้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักแต่คนร้ายได้เปิดฉากยิงเข้าใส่และจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจำเป็นต้องตอบโต้ จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว” พล.ท. ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) และ ผอ.รมน. ภาค 4 กล่าว

ข้อมูลจากสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ปี 2566-2567 มีเหตุปะทะซึ่งนำไปสู่การวิสามัญฆาตกรรม 9 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิต 16 ราย โดยแบ่งเป็นปี 2566 รวมทั้งสิ้น 8 ราย จาก 5 เหตุ ขณะที่ปี 2567 ผู้เสียชีวิตอีก 8 รายจาก 4 เหตุ โดยกรณีล่าสุดนับเป็นการวิสามัญฆาตกรรมครั้งแรกของปี 2568 

ตลอดช่วงปี 2548-2567 รัฐบาลใช้เงินในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ร่วม 5 แสนล้านบาท ขณะที่การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทย กับกลุ่มมาราปาตานี แต่การพูดคุยฯ ดังกล่าวขาดช่วง ก่อนจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2563 โดยตัวแทนรัฐบาลไทยเปลี่ยนมาเจรจากับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็น และมีการพูดคุยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ขณะที่ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา มีนักกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างน้อย 40 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีอาญา ขณะเดียวกันในบางคดี ผู้ฟ้องคือ พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เอง

ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2547-2567 มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นกว่า 22,000 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,500 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 14,000 ราย โดยนับตั้งแต่ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นอีก 

การพูดคุยสันติสุขที่ล่าช้า และไม่ต่อเนื่องนำมาสู่การเรียกร้องของ องค์กรภาคีร่วมของภาคประชาสังคมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ซึ่งนำโดย สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (CAP), The Patani, เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ (JASAD) และอีกหลายสิบองค์กร

“พวกเราเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างต่อเนื่อง กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพควรได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการสร้างความไว้วางใจระหว่างทุกฝ่ายและป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง การละเลยหรือขาดความต่อเนื่องในกระบวนการนี้อาจก่อให้เกิดความหวาดระแวงและความไม่มั่นคงในพื้นที่” ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ ระบุ

ภาคีร่วมฯ ยังเรียกร้องให้ รัฐบาลสร้างความโปรงใสในระบบยุติธรรม และแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมต่อประชาชนในพื้นที่ รวมถึงทบทวนและปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ (SEC) แผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนใต้ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่แท้จริงต่อประชาชนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อม 

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง