พรรคก้าวไกล-เพื่อไทยคว้าชัยชนะครั้งใหญ่

ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 06:45 PM EST 23-05-14 

สองพรรคประชาธิปไตย คือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย กำชัยชนะเหนือพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ในการเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย

หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งนับคะแนนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 99 เปอร์เซ็นต์ ผลสรุปออกมาว่า พรรคก้าวไกลได้ ส.ส. 113 คน พรรคเพื่อไทย 111 คน พรรคภูมิใจไทย 68 คน พรรคพลังประชารัฐ 39 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 23 คน พรรคประชาธิปัตย์ 22 คน ส่วนพรรคอื่น ๆ อีกห้าพรรคได้ ส.ส. 24 คน

ส่วนการเลือกปาร์ตี้ลิสต์นั้น พรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียง 14 ล้านเสียง พรรคเพื่อไทย 10.6 ล้านเสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 4.6 ล้านเสียง พรรคภูมิใจไทย 1.1 ล้านเสียง และพรรคพลังประชารัฐ 519,805 เสียง

ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 35 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยได้ 27 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ 11 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 2 ที่นั่ง และพรรคพลังประชารัฐ 1 ที่นั่ง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงหลังเวลาสี่ทุ่มว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้ และพรรคก้าวไกลยังคงมีจุดยืนเดิมในการจัดตั้งรัฐบาล คือ ไม่ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลุงตู่” และพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ “ลุงป้อม” เป็นแกนนำ

“จุดยืนที่เหมือนเดิมก็คือ มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง เพราะฉะนั้นพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นทหารจำแลงทั้งสองพรรค ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้อยู่ใน ครม. ของเรา อันนั้นเป็นจุดยืนที่ชัดอยู่” นายพิธา ระบุ

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย ในเวลาประมาณสามทุ่มว่ามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล และดีใจกับชัยชนะของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย

“ชัดเจนครับว่าเขาต้องการมีการเปลี่ยนขั้ว พร้อมคุยหมดทุกคน แต่ว่าเราคุยกับฝั่งประชาธิปไตยก่อน ฝ่ายพรรคพวกเพื่อนฝูงเราก่อน ที่เราร่วมอุดมการณ์มา 4 ปี เรายังคงมั่นใจว่าถ้าเกิดคะแนนออกมาแล้ว เรายังนำอยู่ มันก็เป็นไปตามคาดอยู่แล้ว” นายเศรษฐา ระบุ

ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่เฟซบุ๊กเพจพรรครวมไทยสร้างชาติได้เขียนข้อความในเวลาประมาณ 21.00 น. ระบุว่า “ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องชาวไทยทั้งแผ่นดิน ที่มอบให้ผู้สมัคร ส.ส. และพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงที่หน่วยเลือกตั้งในกรุงเทพฯ ในการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 (อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)

สำหรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ รศ. โอฬาร ถิ่นบางเตียว คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวในช่องไทยพีบีเอสว่า ผลคะแนนของก้าวไกล สะท้อนความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์

“ถ้าดู ณ ตอนนี้คือก้าวไกลแลนด์สไลด์ สิ่งที่น่าสนใจหลังจากนี้ไป คือ นอกจากเป็นการเมืองชิงความคิด เชิงอุดมการณ์แล้ว แต่มันยังแปลว่ากระแสมันสามารถแปลงเป็นกระสุนไปสู่การเลือกตั้งได้จริง ๆ มันทำให้ความคิดการเมืองคนกล้าที่จะเปลี่ยน” รศ. โอฬาร กล่าว

ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์นี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหลายล้านคนเดินทางไปลงคะแนนเสียงเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ หลังจากที่พรรคการเมืองสายทหารบริหารเป็นรัฐบาลประเทศไทยมานานเกือบทศวรรษ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมเหนือกว่าคู่แข่ง 

หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศเปิดหีบในเวลา 8 นาฬิกา และปิดหีบ และเริ่มนับคะแนนในเวลาห้าโมงเย็น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนกว่า 52 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดกว่า 66 ล้านคน มีสิทธิ์เลือก ส.ส. รวม 500 คน โดยมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกกว่า 4 ล้านคน

ผู้มีสิทธิ์จะกาบัตรเลือกตั้งสำหรับ ส.ส. เขต หนึ่งใบ และเลือก ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์อีกหนึ่งใบ มีพรรคการเมืองผู้รับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 70 พรรค ซึ่งทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง คาดว่าจะนับคะแนนเสร็จสิ้นประมาณห้าทุ่ม

นายเอกพงษ์ วัฒนพรพรหม อายุ 38 ปี อาชีพกราฟฟิกดีไซเนอร์ ลงคะแนนเสียงที่หน่วยเลือกตั้งที่ 15 แขวงรามอินทรา กล่าวว่า ตนมีความหวังต่อรัฐบาลใหม่และอยากให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

“ผมคาดหวังการเปลี่ยนแปลง หวังว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะทำตามที่หาเสียงกันไว้ เพราะที่ผ่าน ๆ มา หลายรัฐบาลก็ไม่สามารถทำตามที่หาเสียงกันไว้ได้” นายเอกพงษ์ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ด้านนายเจริญ ขุนเป็นทิพย์ อายุ 59 ปี อดีตพนักงานบริษัท กล่าวว่า ตนคาดหวังว่าประเทศจะดำเนินไปในทางที่ดีขึ้น

“ผมเลือกตั้งแล้ว ผมก็อยู่สังเกตการณ์เพราะเราชอบความบริสุทธิ์ยุติธรรม แปดเก้าปีที่ผ่านมาลำบากมาก เลือกตั้งครั้งนี้ก็อยากได้รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ พูดจาไพเราะกับประชาชน ในฐานะประชาชน อยากให้คนไทยทุกคนอยู่ดีกินดีมากกว่าแปดเก้าปีที่ผ่านมา” นายเจริญกล่าว

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นคนที่ 3 ของคูหาหลังการเปิดหีบ เวลาประมาณ 8.00 น. บริเวณหน่วยเลือกตั้งที่ 15 โรงจอดรถอาคารชุดซิตี้เลคทาวเวอร์ ซอยสุขุมวิท 16 วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 (สุรินทร์ พิณสุวรรณ/เบนาร์นิวส์)

พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นเครื่องมือของตระกูลชินวัตรอยู่บนเส้นทางสู่ชัยชนะที่จะได้ที่นั่ง ส.ส. มากที่สุดในสภา ตามมาด้วยพรรคก้าวไกล ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด ซึ่งเป็นพรรคหัวก้าวหน้าที่เน้นกลุ่มเยาวชน ส่วนผู้แข่งขันที่สำคัญอีกราย คือ พรรคภูมิใจไทยที่มีความนิยมจากประชาชนในต่างจังหวัดและอาจจะมีบทบาทสำคัญในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล

นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า จะไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งได้คะแนนเสียงในสภามากกว่ากึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่าการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองหลังเลือกตั้ง ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 250 คน จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

พล.อ. ประยุทธ์ วัย 69 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ และครองอำนาจบริหารมาตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 เป็นแคนดิเดตพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐในเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังลงเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งย่านประดิพัทธ์ วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 (อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)

แพทองธาร ชินวัตร วัย 36 ปี ลูกสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มาลงคะแนนพร้อมกับมารดา คือ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และได้สัมภาษณ์ระหว่างการลงคะแนนว่า ตนหวังว่าเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง

"ส่วนตัวหวังแค่ให้มีคนออกมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก และมั่นใจว่าเราจะชนะการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์" แพทองธารกล่าว และระบุว่า ตนไม่กลัวการถูกยุบพรรค เพราะมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ละเมิดกฎใด ๆ

ประชาชนจะรู้ว่าใครได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งหลายสัปดาห์ เพราะว่าระบบการเลือกตั้งกำหนดให้ประกาศผลการเลือกตั้งเป็นทางการภายในหกสิบวัน และให้เปิดสภาครั้งแรกภายในสิบห้าวันหลังจากนั้น ก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีจากรายชื่อที่พรรคต่าง ๆ เสนอต่อสภา

เป็นที่กังวลกันว่า หากพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดไม่สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ก็อาจจะเกิดความวุ่นวายเพราะการเดินขบวนตามท้องถนนอีกครั้ง

ด้าน พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวตอบคำถามของผู้สื่อข่าวถึงโอกาสของการเกิดรัฐประหารว่า ทางฝ่ายทหารนั้นยอมรับผลการเลือกตั้ง และไม่มีปัญหาหากว่าพรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาล

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน