ไทยปฏิเสธข่าวที่กัมพูชาอ้างว่าไทยถอนการประท้วง “กุน ขแมร์”

สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ปฏิเสธรายงานข่าวจากกัมพูชาที่ว่าประเทศไทยได้ยกเลิกการประท้วงการแข่งขันกีฬา “กุน ขแมร์” ที่มีลักษณะคล้ายกับมวยไทย และจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในกัมพูชาในเดือนพฤษภาคมนี้ 

“ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง กัมพูชาคิดเองเออเองทั้งนั้น ไทยจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน เป็นไปตามที่สหพันธ์มวยไทยนานาชาติหรือ IFMA ส่งจดหมายเตือนเข้าไปที่สมาชิกเนื่องจากไม่ได้รับการรับรองจากทางสมาพันธ์” นายจรัญ ลิ้มวัฒนะ เลขาธิการ สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ยืนยันกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในวันศุกร์นี้ 

ทั้งนี้ เบนาร์นิวส์ติดต่อคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยเพื่อขอความเห็นต่อการกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชาในวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในทันที

เมื่อวานนี้ เรดิโอ ฟรีเอ เชีย และหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ อ้างคำกล่าวของนายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของกัมพูชาและคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา ที่ระบุว่า ประเทศไทยยกเลิกการประกาศคว่ำบาตรการแข่งขัน “กุน ขแมร์” ซึ่งเป็นกีฬาต่อสู้แบบที่อาศัยการต่อย การเตะ และการกระทุ้งเข่าเข้าที่ท้องของคู่ต่อสู้ ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่กัมพูชาปีนี้ หลังจากทั้งสองประเทศได้แก้ปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับชื่อกีฬานี้ ซึ่งประเทศเจ้าภาพเรียกว่า "กุน ขแมร์" ขณะที่คนไทยเรียกว่า "มวยไทย" ซึ่งข้อถกเถียงเรื่องชื่อที่ถูกต้องของกีฬาชนิดนี้ ได้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปี 

“ไทยได้ถอนการประท้วงหลังจากฝ่ายกัมพูชาอธิบายว่า การใช้ชื่อภาษาเขมรสำหรับชื่อศิลปะการป้องกันตัวของเขมรไม่มีผลกระทบต่อชื่อหรือรูปแบบของกีฬาไทยแต่อย่างใด” นายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของกัมพูชาและคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา กล่าว 

มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติไทย และกีฬาชนิดนี้ก็เป็นที่รู้จักในชื่อดังกล่าวไปทั่วโลก แต่คณะกรรมการจัดการแข่งขันซีเกมส์ของกัมพูชาอ้างว่ากัมพูชาเป็นเจ้าของวัฒนธรรมของกุน ขแมร์ และหวังจะใช้คำดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน 

ข้อพิพาทดังกล่าวรุนแรงขึ้นจนสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยขู่ว่า จะปรับและแบนประเทศอื่นจากการแข่งขันมวยไทยในอนาคต หากพวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันประเภทนี้ในซีเกมส์ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม ปีนี้ 

นายวัธยังกล่าวด้วยว่า แม้ไทยจะถอนนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งออกจากการแข่งขัน แต่ก็จะดำเนินตามแผนที่วางไว้ ภายใต้ชื่อ กุน ขแมร์ เพราะนอกจากกัมพูชาแล้ว ยังมีอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ลาว มาเลเซีย เมียนมา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ที่ตกลงจะเข้าร่วม ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ต้องการเพียง 4 ประเทศเป็นอย่างน้อย ก็จะสามารถจัดการแข่งขันได้

“เรากำลังปฏิบัติตามกฎของกีฬา ซึ่งระบุว่าประเทศเจ้าภาพมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ต้องมี 4 ประเทศตกลงที่จะเข้าร่วมด้วย และเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสันติ” นายวัธระบุ 

นอกจากนี้ นายวัธได้เรียกร้องให้ทุกคนในกลุ่มที่กำลังขุ่นเคือง ควรยับยั้งชั่งใจ โดยขอให้พวกเขาสงบสติอารมณ์และอย่ากล่าวหากันว่าใครสร้างปัญหานี้ขึ้นมา   

“เราควรพัฒนาสิ่งที่เป็นของเรา และพวกเขาควรพัฒนาสิ่งที่เป็นของเขาเช่นกัน” นายวัธกล่าวทิ้งท้าย

คู่มวยไทยชกกันอย่างดุเดือดที่สนามมวยราชดำเนิน ในกรุงเทพ วันที่ 15 ก.ค. 2563 (สุรินทร์ พิณสุวรรณ/เบนาร์นิวส์)

การแข่งขันทางวัฒนธรรม 

ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับชื่อกีฬานั้นมีความลึกซึ้งมากกว่าแค่ความแตกต่างทางภาษา โดยชื่อที่ขัดแย้งเหล่านี้เป็นชนวนแห่งลัทธิชาตินิยมและการชิงดีชิงเด่นของทั้งสองประเทศ ความขัดแย้งนี้ปรากฎอยู่ในอีกหลายประเด็นที่มีมาแล้ว เช่น ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลก ที่กินเวลาหลายสิบปีและส่งผลให้เกิดการปะทะนองเลือดในปี 2554 

ด้านเอเชียน เอ็มเอ็มเอ (Asian MMA) สื่อที่รายงานข่าวศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในภูมิภาคเอเชีย และเสนอข่าวที่ทำให้กีฬาทั้งสองประเภทนี้เหมือนเป็นชนิดเดียวกัน 

“กีฬาทั้งสองชนิดโดยพื้นฐานแล้วเหมือนกัน แต่มวยไทยนั้นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่กุน ขแมร์ กลับไม่เป็นที่รู้จักเลยเมื่ออยู่นอกกัมพูชา” รายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสื่อเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุถึงข้อพิพาทเกี่ยวกับกีฬาประเภทนี้ที่จะเกิดขึ้นในซีเกมส์ 

รายงานของพนมเปญปี 2562 ระบุว่า “ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกีฬาต่อสู้ทั้งสองชนิด กฎกติกาเหมือนกัน โดยมีความแตกต่างเล็กน้อยอยู่ที่วิธีการนับคะแนนในการแข่งขัน” และ “นอกจากนี้ นักชกไทยยังมีเทคนิคมากกว่า ในขณะที่คู่ต่อสู้ชาวกัมพูชาขึ้นชื่อเรื่องศอกและเข่าที่สุดโหด” 

อย่างไรก็ตาม ชื่อของกีฬาประเภทนี้เคยทำให้เกิดความขัดแย้งในซีเกมส์ครั้งก่อน ตามรายงานของเอเชียน เอ็มเอ็มเอ 

เมื่อปี 2548 กัมพูชาได้ปฏิเสธการส่งทีมไปร่วมแข่งขันกีฬาคิกบ็อกซิ่ง เพื่อประท้วงการเรียกการแข่งขันว่าเป็นมวยไทย และเมื่อปี 2538 ในการประชุมอาเซียน กัมพูชายื่นคำร้องให้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการของกีฬาเป็น "มวยสุวรรณภูมิ" หรือ "มวยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยอ้างว่ากีฬาดังกล่าวมีต้นกำเนิดในกัมพูชา ลาว และเมียนมา นอกเหนือจากประเทศไทย แต่การยื่นคำร้องดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ 

แฟนกีฬาประหมัดทางโซเชียลมีเดีย 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ นายศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานกิตติมศักดิ์สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (IFMA) กล่าวว่า ไทยจะไม่ส่งนักกีฬาร่วมแข่งขัน โดยกล่าวว่า ทางสหพันธ์ได้ทำหนังสือถึงประเทศสมาชิก เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ว่าการแข่งขันกุน แขมร์นี้ ไม่ใช่มวยไทย และไม่ใช่กีฬานานาชาติที่ประเทศสมาชิกจะส่งนักกีฬาไปแข่งขันได้ ถ้าประเทศไหนส่งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ หรือผู้ตัดสิน ไปร่วมในการแข่งขันจะตัดสิทธิไม่ให้มาร่วมการแข่งขันที่สหพันธ์ฯ รับรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Asian Indoor and Martial Arts Games ที่จะจัดในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ 

คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยได้แจ้งไปทางกัมพูชาให้ทราบว่า ประเทศไทยจะไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 32 นี้ 

เรื่องราวดังกล่าวทำให้มีการถกเถียงกันทางโซเชียลมีเดียว่า ฝ่ายใดกันแน่ที่เป็นต้นฉบับศิลปะการป้องกันตัวที่คล้ายคลึงกันนี้ 

หลังจากที่มีแฟนกุน ขแมร์ อ้างว่า บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยดังระดับโลกที่ต่อมาเข้ารับราชการเป็นนายทหารระดับสัญญาบัตรกองทัพบก เป็นคนขแมร์ บัวขาวได้ออกมาปฏิเสธและปกป้องศิลปะประจำชาติไทย 

“ชาติพันธุ์บัวขาวคือ คนไทย เชื้อสายกูย ไม่ไช่เขมร ตามที่เข้าใจ ชาวส่วย (Suai) บางทีก็เรียก กูย (Kuy, Kui), โกย/กวย (Kuoy)” บัวขาวกล่าวทางเพจ Banchamek Gym 

“พ.ศ. 2200 เป็นต้นมา จนถึงปลายอยุธยาตอนปลาย ปรากฏว่ามีชุมชนกวยเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป ตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานีจนถึงจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์คือ ชนชาวกูยที่บ้านเมืองที บ้านโคกยาง (สังขะ) บ้านกุดหวาย (รัตนะบุรี) และบ้านโคกลำดวน (เมืองขุขันธ์) จังหวัดศรีสะเกษ”