ศาลอุทธรณ์สั่งคุก 10 ปี ทหารพรานยิงชาวบ้านเขาตะเว เสียชีวิตเมื่อปี 62

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2025.01.15
กรุงเทพฯ
ศาลอุทธรณ์สั่งคุก 10 ปี ทหารพรานยิงชาวบ้านเขาตะเว เสียชีวิตเมื่อปี 62 พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะ ที่บริเวณเทือกเขาตะเว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วันที่ 17 ธันวาคม 2562
ฝ่ายความมั่นคง

ศาลจังหวัดนราธิวาส อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 10 ปี ทหารซึ่งเป็นจำเลยในคดียิงประชาชนเสียชีวิต 3 ราย บนเทือกเขาตะเว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2562 แต่ยกฟ้องอาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ซึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์ เป็นการแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุก 4 ปี ทั้งคู่จากข้อหากระทำการโดยประมาท

“พฤติการณ์คือ ระหว่างทหาร และผู้ตาย มีลำธารกั้นอยู่ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดใช้ปืนยิงข้ามฝั่ง โดยอ้างว่า ป้องกันตัวเอง แต่หัวหน้าชุดเป็นคนวิ่งข้ามลำธารไปยิงซ้ำอีก พฤติการณ์ในส่วนนี้ ศาลจึงมองว่า ทำให้เหตุแห่งการป้องกันตัวขาดไป ศาลสั่งว่า ฆ่าโดยเจตนาจำคุก 16 ปี แต่ลดโทษเหลือ 10 ปี  เพราะให้การเป็นประโยชน์ต่อคดี” น.ส. พรพิมล มุกขุนทด ทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ 

น.ส. พรพิมล เปิดเผยว่า ทีมทนายความกำลังพิจารณาว่าจะมีการยื่นฎีกาในลำดับต่อไปซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน

“อส. ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ให้การว่า เขายิงปืนเพื่อสกัด ซึ่งไม่ได้ทำให้ผู้ตายเสียชีวิต ศาลจึงยกฟ้องจำเลยที่ 2” ทนายความ ระบุ

คดีนี้สืบเนื่องจาก เหตุการณ์ในวันที่ 16 ธ.ค. 2562 ซึ่งนายบูดีมัน มะลี, นายมะนาเซ สะมะแอ และนายฮาฟิซี มะดาโอะ ชาวบ้านหมู่ 8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้ขึ้นไปบนเขาตะเวเพื่อตัดและแปรรูปไม้ ระหว่างนั้นได้พบกับเจ้าหน้าที่ชุดจรยุทธ์ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 แต่ด้วยความเข้าใจผิดทำให้เจ้าหน้าที่ยิงบุคคลทั้ง 3 จนเสียชีวิต

ในเดือน ก.ค. 2566 พนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาสเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส.ท. ณัฐวุฒิ บุตรทุม จำเลยที่ 1 และ อส.ทพ. สิทธิชัย ส่องช่วย จำเลยที่ 2 ต่อศาลจังหวัดนราธิวาส ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 71/2566 

ต่อมาในเดือน ก.พ. 2567 ศาลจังหวัดนราธิวาส พิพากษาจำคุก 6 ปี แก่จำเลยทั้ง 2 คน ในฐานความผิดกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา

ในปี 2562 หลังเกิดเหตุ พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น ระบุว่า เหตุเกิดจากความเข้าใจผิด จึงได้สั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยิงตอบโต้ และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีผู้เสียชีวิต ส่วนที่เหลือได้หลบหนีไปได้

หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านได้รวมตัวกันไปสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รับคำตอบ ต่อมามีการเผยแพร่ข่าวบนสื่อออนไลน์ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรม สมาชิกกลุ่มแนวร่วมอาร์เคเค 3 คน พร้อมกับยึดอาวุธปืน แต่ภายหลัง พล.ท. พรศักดิ์ ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการผิดพลาด

“ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นราษฎรในหมู่บ้าน มิใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย” พล.ท. พรศักดิ์ กล่าวในวันที่ 17 ธ.ค. 2562

ต่อมา ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้ไต่สวนการตายของทั้ง 3 คน โดยญาติของผู้ตายได้แต่งตั้งทนายความเข้าร่วมซักถาม จนท้ายที่สุดโดยศาลสรุปว่า มีมูลว่าทหารสองนายเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตดังกล่าว นำมาสู่การฟ้องต่อศาล

ในปี 2566 บิดาของนายฮาฟิซี หนึ่งในผู้เสียชีวิต (สงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทำให้รู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น

“รู้สึกดีใจมากหายใจคล่องขึ้น คงเริ่มนอนหลับ เพราะมองเห็นความเป็นธรรม ตลอดที่ผ่านมามีความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินทหารพูดว่า เข้าใจผิด ยิงผิดตัว แล้วทำไมยิงผิดตัวถึง 3 คน มันไม่ใช่เลย” บิดาของนายฮาฟิซี กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ในอดีตได้เกิดเหตุการณ์ยิงผิดตัว อย่างน้อย 4 ครั้ง หากรวมกับคดีนี้ ประกอบด้วย เหตุเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2555 เจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงชาวบ้าน ขณะเดินทางไปละหมาดศพ เหตุเกิดใน ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 4 ราย และมีผู้รอดชีวิต 1 ราย

เหตุเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย และนักศึกษามหาวิทยาลัยฟาฏอนี เสียชีวิตอีก 2 ราย ระหว่างการปิดล้อมหมู่บ้านโต๊ะชุด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อค้นหาผู้ก่อความไม่สงบ และ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2560 ซึ่งชาวบ้านถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ขณะนั่งรถยนต์กระบะ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารที่ด่านตรวจเข้าใจผิดสงสัยว่าเป็นรถยนต์ของคนร้ายขับผ่านด่าน เหตุเกิดบริเวณ ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี

“นับเป็นคดีแรกที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงถูกดำเนินคดีอาญา เป็นครั้งแรกที่ทหารได้ขึ้นศาลพลเรือนจากการใช้อาวุธสังหารชาวบ้าน ถือเป็นบรรทัดฐานที่ดีในการสร้างความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน แต่ก็ยอมรับว่า กรณีนี้อาจเป็นกรณีเฉพาะ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วไป เพราะตั้งแต่โควิด-19 ระบาดมีคนถูกสังหารกว่า 90 ราย ก็ไม่มีคดีอื่นที่ต้องขึ้นศาล ต้องขอบคุณอัยการ และตำรวจที่ทำให้ชาวบ้านยังพอเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้” น.ส. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวกับเบนาร์นิวส์ 

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง