ตร. ออกหมายจับผู้ต้องหาจ้างฆ่า อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว
2025.01.15
กรุงเทพฯ

ตำรวจออกหมายจับ นายสมหวัง (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่า นายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) แล้ว เบื้องต้น พบหลักฐานว่านายสมหวังได้หลบหนีออกไปยังต่างประเทศแล้ว กำลังประสานขอหมายจับของตำรวจสากล
“เราได้รับความเมตตาจากศาลอาญา ออกหมายจับนายสมหวัง (สงวนนามสกุล) ซึ่งมีพฤติการณ์ที่พอจะกล่าวได้คือ เป็นผู้สั่งการ และเป็นผู้จ้างวาน หลักฐานการสั่งการ คือโอนเงินค่าจ้างวานมาถึงผู้ต้องหา เอ็ม (ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง) ช่วงหลัง เริ่มให้การเป็นประโยชน์มากขึ้นว่า สมหวังเขามีสาเหตุโกรธแค้นกับคนตายรายนี้ จะขอให้เอ็มจัดการให้” พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดดา ผบก.น.1 กล่าวกับสื่อมวลชน
พล.ต.ต. อัฏธพร ระบุว่า เบื้องต้นจากพยานและหลักฐานทำให้ทราบว่า นายสมหวัง อายุ 43 ปี เป็นคนกัมพูชา เดินทางเข้ามาในประเทศไทยวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุพักอยู่ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากเกิดเหตุก็เดินทางออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานให้ตำรวจสากลออกหมายจับแล้ว
“เขาใช้ชื่อลี ตามพาสปอร์ต สมหวังเป็นชื่อที่เขาใช้อยู่เมืองไทย ไม่มีชื่อปรากฏในทะเบียนราษฎร ในช่วง 2 ปี เขาเข้าออกไทยประมาณ 100 กว่าครั้ง แสดงว่าเขาเข้ามาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้เขาออกไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.” พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าว
นายลิม กิมยา อายุ 74 ปี เป็นอดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party-CNRP) เป็นพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา แต่ถูกยุบพรรคเมื่อปี 2560 ทำให้นายลิม และสมาชิกพรรคกว่าร้อยชีวิต ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นนายลิมย้ายไปอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส
ในช่วงเย็นของวันอังคารที่ 7 ม.ค. 2568 นายลิม และภรรยาชาวฝรั่งเศส รวมถึงลุงของเขาได้โดยสารรถบัสจากเมืองเสียมราฐ กัมพูชา มาลงรถที่บริเวณใกล้วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ ต่อมาถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นยิงจนเสียชีวิต
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายร่างสูง เดินเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายลิม 3 นัดก่อนวิ่งกลับไปยังจักรยานยนต์ที่จอดไว้ และขี่ออกไป ต่อมาตำรวจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินของกองทัพเรือ โดยประสานงานกับตำรวจกัมพูชาและสามารถคุมตัว จ่าเอ็มได้ในวันถัดมาที่ จ.พระตะบอง กัมพูชา ก่อนส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยในวันที่ 11 ม.ค. 2568
เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ศาลยังได้อนุมัติออกหมายจับ นายคิมริน (สงวนนามสกุล) ชาวกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนชี้เป้าให้จ่าเอ็มก่อเหตุ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยคาดว่า นายคิมรินได้เดินทางกลับกัมพูชาแล้ว
ต่อมา 14 ม.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัว นายชาคิต หรือ ชำนาญ (สงวนนามสกุล) จากบ้านพักในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งตำรวจเชื่อว่า นายชาคิตเป็นผู้ที่ช่วยเหลือให้ นายเอกลักษณ์หลบหนีหลังก่อเหตุยิงนายลิม โดยนายชาคิต ระบุว่า ไม่รู้ว่านายเอกลักษณ์ได้ก่อเหตุ เพียงแต่ถูกว่าจ้างให้ขับรถให้เท่านั้น
“รู้จักกันผ่านๆ เขาบอกว่า เขาจะย้ายไปประจำการที่อื่น ไม่รู้เลยเขาทำอะไรมา เขาจ้าง 4,500 บาท เป็นค่าจ้าง” นายชาคิต กล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า ปลายปี 2567 ในประเทศไทยมีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ 86,000 คน ในนั้น 81,000 คน เป็นชาวเมียนมา ส่วนที่เหลือราว 5,500 คน ประกอบด้วยคนอีก 40 สัญชาติ
ในเดือน พ.ย. 2567 รัฐบาลไทยเพิ่งส่งกลับชาวกัมพูชา 7 คน ซึ่งลี้ภัยออกจากกัมพูชา เพราะเชื่อว่าตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามจากรัฐบาลกัมพูชา แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ และภาคประชาสังคมของไทย แต่ไทยก็ยังส่งกลับผู้ลี้ภัยเหล่านั้น
ในปี 2563 นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และคดี พรบ. คอมพิวเตอร์ฯ ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มบุคคลติดอาวุธ จากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ จนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย-กัมพูชา ยังไม่สามารถหาเบาะแสผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวได้
ต่อกรณีที่เกิดขึ้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ทางการไทยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วน โปร่งใส รอบด้าน และเป็นกลาง เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง และนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม โดยต้องไม่ใช้โทษประหารชีวิต