ประยุทธ์ยืนยัน กอ.รมน. มีสิทธิฟ้องฝ่ายเสวนาแก้รัฐธรรมนูญ

ในวันจันทร์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนถึงกรณีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ฟ้องร้องเอาผิดกับ 12 ผู้ร่วมเสวนาเรื่องแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และรัฐธรรมนูญ ในจังหวัดปัตตานี  โดยระบุว่า เป็นสิทธิ์ที่ กอ.รมน. สามารถทำได้ และตนจะไม่ก้าวล่วง  ด้านฝ่ายค้านได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ กอ.รมน. ในฐานแจ้งความเท็จและใช้อำนาจเกินขอบเขตแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวแก่สื่อมวลชน หลังประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การฟ้องร้องระหว่าง กอ.รมน. กับผู้ร่วมเสวนารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักฐาน และกระบวนการยุติธรรม

“เรื่องที่ถามมา เรื่อง กอ.รมน. ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนใครจะฟ้องร้องกันก็ว่าไปตามหลักฐาน ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องกัน หน่วยงานเขาก็มีหน้าที่ของเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ไปก้าวล่วงใครทั้งสิ้น ก็ไม่อยากให้ขยายความขัดแย้งนี้ออกไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองปัตตานี เพื่อเอาผิดผู้ร่วมเสวนา “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ที่จังหวัดปัตตานี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น โดยผู้ที่ถูกฟ้องประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 40 ปี หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อายุ 75 ปี หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อายุ 78 ปี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อายุ 47 ปี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้ร่วมเสวนารายอื่นๆ รวม 12 คน

หลังจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานายสมพงษ์ และตัวแทนพรรคเพื่อไทย  นายวันมูหะมัดนอร์ และตัวแทนพรรคประชาชาติ  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ  นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย  พล.ท.พงศธร รอดชมพู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  พล.ท.ภราดร พัฒนฐาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  และนายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย พร้อมด้วยทนายความ ในฐานะผู้เสียหายจากการฟ้องร้องของ กอ.รมน. ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่กองบัญชาการกองปราบปราม เพื่อเอาผิดกับ กอ.รมน. ในข้อหา ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต และแจ้งความเท็จ

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้อ่านแถลงการณ์หลังแจ้งความระบุว่า การเสวนาครั้งดังกล่าว มีเจตนาเพื่อรณรงค์ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้ตั้งประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยผู้ร่วมเสวนาทั้งหมดยืนยันว่า ไม่ได้มีการบิดเบือนข้อมูลแต่อย่างใด

“พวกเราขอใช้สิทธิในฐานะผู้เสียหาย ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พลตรีบุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า โดยขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่บุคคลทั้งสอง ผู้บังคับบัญชา และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาแจ้งความอันเป็นเท็จทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ทั้งนี้โดยการโฆษณาตาม ป.อาญา มาตรา 137, 172, 174, 326 และมาตรา 328” นายสมพงษ์ กล่าว

“ขอยืนยันว่า สิ่งที่ทางเราไปพบปะประชาชนตลอดเวลา รวมทั้งวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา กระทำภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายทุกประการ ไม่ได้มีการล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ มีการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และต้องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแก้ไข้รัฐธรรมนูญด้วย” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวหลังแจ้งความในฐานะผู้ได้รับความเสียหายเช่นกัน

ต่อการฟ้องร้องของฝ่ายผู้เสวนา พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า การที่ กอ.รมน. ฟ้องร้องเอาผิดกับผู้เสวนา ซึ่งมีแกนนำฝ่ายค้านรวมอยู่ด้วยนั้น ไม่ใช่การดำเนินการเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือได้รับคำสั่งจากฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นการดำเนินการเนื่องจากข้อความในการเสวนาดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจ

“ความเห็นต่างของพี่น้องประชาชน เป็นสิ่งที่ยอมรับได้อยู่แล้ว เพราะเราเป็นระบอบประชาธิปไตย… เมื่อเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เราจะนิ่งเฉยไม่ได้ จึงต้องดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ที่วิจารณ์กันว่าเป็นการเหมายกเข่งทั้งๆ ที่ คนพูดเรื่องแก้มาตรา 1 มีนักวิชาการคนเดียวนั้น  เรื่องนี้ ฝ่ายกฎหมาย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คงจะมีข้อมูลจึงมีการฟ้องร้องดำเนินคดี แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่การพิจารณาของศาลว่า ผิดหรือไม่อย่างไร” พล.ต.ธนาธิป กล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ กอ.รมน. แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ร่วมเสวนา เนื่องจากในตอนหนึ่งของการเสวนาซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊คของพรรคประชาชาติ และเผยแพร่วิดีโอที่บันทึกการเสวนาลงในยูทูป นางชลิตา ได้กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เกิดจากความคับข้องใจของคนในพื้นที่ที่ไม่ได้ความเป็นธรรมทางกฎหมาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นพลเมืองชั้นสอง และรัฐพยายามใช้กำลังจัดการกับปัญหา จึงเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดปัญหาความไม่สงบนี้

“สถานการณ์ชายแดนใต้ไม่มีทางที่จะดีขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญนี้... รัฐมีแนวทางแก้ปัญหาคือ 1. การใช้กำลังทหารและตำรวจในการรักษาความมั่นคง 2. การพัฒนาพื้นที่คุณภาพชีวิต  3. การส่งเสริมทางสังคมและวัฒนธรรม พบว่าแนวทางดังกล่าวมีปัญหา เพราะแนวทางเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของกองทัพ ซึ่งที่จริงไม่ควรเป็นงานด้านความมั่นคง แต่ทหารกลับมามีอำนาจและมีบทบาทในทุกด้าน อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาของประเทศไทย อาจไม่ต้องอยู่กันเป็นรัฐเดียวหรือรวมศูนย์ก็ได้ การแก้รัฐธรรมนูญ อาจแก้มาตรา 1 ด้วย ก็ไม่แปลกอะไร” นางชลิตา ระบุ