ทนายอัจฉริยะแจงทหารร้องเรียนเงินทอนบ้านสวัสดิการนับร้อยราย

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2020.02.13
กรุงเทพ
200213-TH-shooting-620.jpg พระสงฆ์เดินทางมาถึงห้างเทอร์มินอล 21 ในการทำบุญเปิดห้างอีกครั้ง หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563
เอพี

ภายหลังจากเรื่องราวของการฉ้อโกงในวงการทหารถูกตีแผ่ออกมาอย่างกว้างขวางด้วยเหตุจ่าทหารบกยิงผู้บังคับบัญชาเสียชีวิต แล้วยังระบายความโกรธด้วยการยิงผู้อื่นเสียชีวิต 29 คน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทนายความอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า ได้มีทหารจำนวนนับร้อยรายส่งรายละเอียดร้องเรียนมายังชมรม ขณะที่พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ จะเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้กำลังพลที่ได้รับความเดือดร้อนได้แจ้งข้อมูลในวันจันทร์หน้านี้

ทั้งนี้ ในวันอังคารนี้ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) แถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารจากค่ายสุรนารี ก่อเหตุยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับการกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 และมารดาของภรรยาของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ จนเสียชีวิต หลังจากตกลงรายละเอียดการซื้อขายบ้านไม่ลงตัว จากนั้นได้กราดยิงเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน มีผู้เสียชีวิตรวม 29 คน และบาดเจ็บ 58 คน ในจังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2563 นี้ สัญญาว่าจะสอบสวนเกี่ยวกับประเด็นความไม่เป็นธรรมในกองทัพ ซึ่งจะนำไปสู่การปลดนายทหารระดับสูงหลายคน

“มันเคยมีโครงการบ้านสวัสดิการแบบนี้ และการกู้เงินต่าง ๆ หน่วยบางหน่วยร่วมมือกับพ่อค้า มีการวิ่งเต้น... ผมไปกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า พี่ครับผมต้องทำ” ผบ.ทบ. ระบุ

ด้านทนายความอัจฉริยะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์สั้น ๆ ว่า มีการร้องเรียนการทุจริตในโครงการมาเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทนายความอัจฉริยะได้กล่าวทางเฟซบุคของชมรมว่า ชมรมของตนพร้อมสนับสนุนความตั้งใจของผบ.ทบ. ในการเปิดเผยหลักฐานการทุจริต ทหารระดับนายพลและนายพันที่ทุจริตงบของกองทัพ โดยมีหลักฐานการทุจริตพร้อมใบเสร็จและพยานบุคคล

ซึ่งทนายความอัจฉริยะ ยังได้โพสต์คำร้องเรียนจากบุคคลที่ระบุตนเองว่าเป็นทหารชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่า เงินส่วนต่างหายไปในมือบริษัทจัดทำโครงการถึง  760,000 บาท เพราะยอดกู้จริงมีมูลค่า 1,500,000 บาท ในขณะที่ราคาบ้านเพียง 340,000 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ทหารชั้นผู้น้อยที่ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว มีบริษัทจัดสรรหมู่บ้านหรือจำหน่ายบ้านมืองสอง คอนโดมือสอง ของเอกชน ที่เข้ามาหากินกับทางผู้บังคับบัญชา ด้วยการกู้เงินจากกรมสวัสดิการทหารบกและธนาคารพาณิชย์ในยอดเงินที่สูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์ แล้วมีการแบ่งสรรปันส่วนยอดเงินที่เกินราคาสินทรัพย์ให้กับนายทหาร บริษัท นายหน้า รวมทั้งตัวผู้กู้ แต่ทางบริษัทผิดคำมั่นสัญญาไม่ยอมจ่ายเงินส่วนต่างให้ผู้กู้ตามที่ตกลงไว้ ซึ่งในกรณีของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ได้นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง แต่ทางเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกได้ออกมาปฏิเสธ โดยกล่าวว่าการพิจารณาการจดจำนองสินทรัพย์กระทำอย่างถูกต้อง

นอกจากนั้น เมื่อวานนี้ ได้มีเอกสารที่ระบุว่ามีการโยกย้ายพันเอกอุทัย แฝงกระโทก และพันโทที เพิ่มผล นายทหารในสังกัดกองทัพภาคที่สอง ให้มาช่วยราชการในตำแหน่งที่มีความสำคัญลดลง ซึ่งผู้สื่อข่าวท้องถิ่นระบุว่า ทั้งสองนายนี้ไม่จ่ายเงินค่าเข้าเวรรักษาการณ์ให้กับกำลังพล

อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพบกไม่ได้ตอบคำถามถึงเหตุผลที่แท้จริงในการโยกย้ายครั้งนี้ ขณะที่พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ กล่าวว่า มีการโยกย้ายนายทหารชั้นสัญญาบัตรทั้งสองนายจริง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเนื่องจากเป็นเรื่องของกองทัพบก

“ขอบคุณท่าน ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาค 2 ที่ข้อมูลของทางชมรมเปิดเผยแล้ว ท่านได้ให้ความสนใจและตรวจสอบให้ ชมรมพร้อมให้ความร่วมมือกับกองทัพ ในการช่วยเหลือทหารชั้นผู้น้อยที่ถูกเอาเปรียบ” ทนายความอัจฉริยะกล่าวทางเฟซบุ๊ค

อย่างไรก็ตาม พลเอกอภิรัชต์ จะเปิดศูนย์ร้องเรียนให้ทหารที่ได้รับความเดือดร้อนต่อสายเข้ามารายงานเรื่องราว โดยให้ระบุชื่อ ชั้นยศเพื่อยืนยันการมีตัวตน แต่ทาง ผบ.ทบ. จะไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อช่วยการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต่อไป

พลโทพงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า หน่วยงานกลาโหมไม่ได้ห้ามข้าราชการในสังกัดทำธุรกิจ แต่ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

“อยู่ในบริษัทอะไรก็ได้ แต่อย่ามาทำอะไรเกี่ยวกับลูกน้องตัวเอง เอาลูกน้องตัวเองมาเป็นลูกค้า ทำไม่ได้หรอก สมัยก่อนทำไม่ได้หรอก ผิดมาก ๆ ไม่มีใครกล้าทำ สมัยตอนผมเด็ก ๆ น่ะ แต่นี่อันนี้มันแปลกประหลาดเกินไป มันไม่ควรเกิดขึ้น” พลโทพงศกร กล่าว

“การจะแก้ กองทัพควรจะดำเนินการสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยเอง ให้ดอกเบี้ยต่ำ กองทัพต้องเอาสินทรัพย์มากระจายจัดสรรใหม่ ผู้บังคับบัญชาก็จะไม่มีโอกาสทำเรื่องพวกนี้ นี่เป็นเบื้องต้น” พลโทพงศกร กล่าว

ด้านนายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวต่อเบนาร์นิวส์ว่า กองทัพมีลักษณะเป็นอาณาจักรของตนเอง

“ที่เราเห็นคือ ค่ายทหารหลาย ๆ ค่ายมีลักษณะเป็นอาณาจักร มีทุกอย่างอยู่ในนั้น... ที่เรารู้คือ กองทัพมีลักษณะเป็นสถาบันที่ค่อนข้างปิด เป็นชุมชนปิด การเป็นกลไกรัฐก็ปิด ลักษณะของการบังคับบัญชา ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเรียกร้องอะไรไม่ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

“กองทัพต้องสร้างความโปร่งใส แต่ก็ทำยากมาก งบประมาณจำนวนมากเป็นงบลับตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีความโปร่งใส ไม่เปิดโอกาสให้สังคมตรวจสอบได้ แก้เป็นการจัดการงบประมาณให้ประชาชนสามารถรู้ได้ไหม ให้เหมือนกับหน่วยงานอื่น ๆ ไม่ใช่แค่กองทัพรู้ แล้วไม่แจกแจงอะไร” นายอนุสรณ์กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้พลเอกอภิรัชต์ ยังได้ขยับเรื่องที่จะนำรายได้ของกองทัพจากสนามกอล์ฟ โรงแรมสนามมวย เป็นอาทิ เพื่อแบ่งรายได้ให้กระทรวงการคลัง ก่อนที่จะพิจารณาสัดส่วนส่งคืนให้เป็นเงินสวัสดิการกองทัพบก ซึ่งจะดำเนินการหารือกับกระทรวงการคลังต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง