ตำรวจเมืองกาญจน์จับแรงงานเมียนมา-คนนำพา เข้าไทย 37 คน
2020.08.28
กรุงเทพฯ
ในวันศุกร์นี้ พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา ผู้กำกับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถควบคุมตัวแรงงานเมียนมาลักลอบเข้าเมืองจำนวน 37 ราย ที่อำเภอไทรโยค จึงควบคุมตัวคนทั้งหมดไปทำการคัดกรองโรค และเตรียมดำเนินคดีเกี่ยวกับคนเข้าเมือง และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
พ.ต.อ.สำราญ กลั่นมา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมรถยนต์กระบะ ซึ่งขนแรงงานเมียนมาเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจากทวาย ผ่านเข้าทางชายป่าบ้านพุชะนี หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล อำเภอไทรโยค
“ตม. ออกลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง ในวันนี้ และสามารถตรวจและจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 35 คน พร้อมด้วยผู้พาแรงงานเข้าประเทศอีก 2 คน จึงได้นำตัวส่งไปยัง สภ.ไทรโยค เพื่อทำบันทึกการจับกุม” พ.ต.อ.สำราญ กล่าว
“ขั้นตอนหลังจากนี้คือ เข้าระบบคัดกรองโรคเพื่อคัดแยก ทำประวัติ เพื่อขออำนาจศาลจังหวัดกาญจนบุรี ฝากขัง เบื้องต้นก็จะดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ปัจจุบันแรงงานทั้งหมดอยู่ที่ สภ.ไทรโยค ถ้าฝากขังจะฝากขังที่เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี” พ.ต.อ.สำราญ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 ในฐานะผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า ได้รับแจ้งเบาะแสว่า ระหว่างการลาดตระเวนสะกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดและโรคติดต่อโควิด-19 เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ 2 คัน ขับตามกันมาบนถนนสายในหมู่บ้าน พื้นที่หมู่ 4 ต.ศรีมงคล จึงแสดงตัวขอตรวจค้น
“เจ้าหน้าที่พบนายอองตูยะมิว สัญชาติพม่า อายุ 26 ปี ขับรถยนต์กระบะขนแรงงาน 15 คน อีกคัน มีนายตาตา สัญชาติพม่า อายุ 38 ปี เป็นคนขับรถขนแรงงาน 20 คน สองคันมีแรงงานต่างด้าว 35 คน รวมคนขับ 2 คน เป็น 37 คน เบื้องต้น คนขับทั้งคู่รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายอ้วน ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ซึ่งเป็นคนเมียนมาให้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปรับคนต่างด้าวที่บริเวณชายป่าบ้านพุชะนี หมู่ 4 ตำบลศรีมงคล ให้ไปส่งที่บ้านแก่งเสี้ยน อำเภอเมืองกาญจนบุรี ในราคาเที่ยวละ 2,000 บาท” พ.อ.สิทธิพร กล่าว
พ.อ.สิทธิพร ระบุว่า กลุ่มแรงงานชาวเมียนมาให้การว่ามาจากเมืองทวาย โดยใช้เส้นทางธรรมชาติเพื่อมาทำงาน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจไทรโยค เพื่อดำเนินคดี นายอองตูยะมิว และ นายตาตา ฐานซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าวนั้น พ้นจากการจับกุม ส่วนแรงงานต่างด้าว ถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต และคดีฝ่าฝืน คำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จังหวัดกาญจนบุรีที่ 2296/2563 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2563 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีคำสั่งปิดการเข้าออกราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจุบัน แม้ว่า คณะรัฐมนตรีจะเห็นชอบมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้มีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 6 โดยอนุญาตให้กลุ่มชาวต่างชาติ 4 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศ คือ กลุ่มที่ 1 ชาวต่างชาติที่เข้ามาจัดการแสดงสินค้ากว่า 5,000 คน ในระหว่างเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน 2563 นี้ กลุ่มที่ 2 ชาวต่างชาติที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ กลุ่มที่ 3 ชาวต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาพยาบาล และกลุ่มที่ 4 ชาวต่างชาติที่ถือบัตรสมาชิกพิเศษของประเทศไทย (Thailand Elite Card) ซึ่งมี 10,363 ราย อยู่ในประเทศไทยแล้ว 3,108 ราย และอยู่นอกประเทศ 7,255 ราย
อย่างไรก็ตาม นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุปว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศได้เมื่อใด ซึ่งการให้แรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางของแรงงานต่างด้าวด้วย ว่าจะอนุญาตให้ผ่านแดนเข้ามาได้เมื่อใด ขณะที่กรมการจัดหางาน ขณะนี้กำลังเตรียมมาตรการรองรับการเข้าประเทศของแรงงานต่างด้าวอยู่
คุมเข้มชายแดน หลังโควิดระบาดเพิ่มในยะไข่
ในวันเดียวกันนี้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้า ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้สั่งการให้เฝ้าระมัดระวังไม่ให้มีการลักลอบผ่านแดนทางด้านชายแดนเมียนมา เพราะมีรายงานการระบาดของโรคโควิด-19 ในรัฐยะไข่
ซึ่งเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 ศบค. ได้รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อในเมียนมาว่า เกิดการระบาดระลอกที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อจำนวน 580 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองซิตตเว เมืองหลักของรัฐยะไข่ จนทำให้มีการล็อกดาวน์ เมืองซิตตเวอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
ทางด้าน พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาค 3 และผู้อำนวยการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ผอ.รมน.ภาค และคณะ ได้เดินทางไปติดตามการดำเนินการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังนเรศวร จากการที่ได้มีข่าวการแพร่ระบาดของไวรัส ในรัฐยะไข่ และยังมีข่าวว่า ได้แพร่มายังบริเวณแนวชายแดนอีกด้วย
พล.ท.ฉลองชัย กล่าวว่า การดำเนินการมีความรัดกุมในทุกจุด มีเพียงว่าด่านขนส่งสินค้าจำเป็นต้องปรับให้รถที่ผ่านเข้าออก และมีคนเมียนมาติดรถคันละ 2 คน จะหามาตรการคุมบุคคลพวกนี้ไม่ให้มีการลงรถ รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้ และให้ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถแล้วกลับเลย ส่วนท่าข้ามธรรมชาติ ก็มีการเพิ่มหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) เข้ามาร่วม รวมทั้งจัดกำลังลาดตระเวนด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องมนุษยธรรม
“เรื่องการส่งตัวผู้ป่วยของเมียนมา ก็คงต้องมีอยู่ แต่หากพบมีบุคคลต้องสงสัย ก็จะต้องมีการกักตัว ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายเสนอ อยากให้มีการปิดด่านทั้งหมด ซึ่งก็ต้องรอดูท่าที หากถึงเวลาเราจะหามาตรการรองรับ เช่น ให้มีการขนถ่ายสินค้าตามแนวชายแดน หรือขนถ่ายกันหน้าด่านพรมแดน โดยไม่ให้รถเข้ามาในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น” พล.ท.ฉลองชัย กล่าว
ส่วน พ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารมาที่ 2 กองกำลังผาเมือง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ด้านเหนือของประเทศ ขณะนี้ ทาง ฉก.ม.2 ได้เพิ่มชุดลาดตระเวนตามแนวตะเข็บชายแดน และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีข้ามแดนของแรงงานต่างด้าว หรือผู้คนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ ล่าสุดได้ 106 ครั้ง รวมผู้ต้องหา 332 ราย ซึ่งก็ได้ร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พรมแดนแม่สาย ในการคัดกรอง ก่อนที่จะผลักดันกลับประเทศต้นทาง ตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย
มารียัม อัฮหมัด ในปัตตานี ร่วมรายงาน