ชาวไทย-พุทธมุสลิมจังหวัดยะลา ร่วมแสดงการต่อต้านความรุนแรง หลังเหตุระเบิดในสุสาน

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.12.14
TH-grave-attack-620 ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในจังหวัดยะลา ร่วมละหมาดที่มัสยิดบ้านบ่อเจ็ดลูก หลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ภาพเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2558
เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์ (14 ธ.ค. 2558) ชาวไทย-พุทธมุสลิมในจังหวัดยะลากว่าสามร้อยคน ได้ร่วมกันแสดงการต่อต้านความรุนแรง หลังเกิดเหตุการณ์วางระเบิดทหารพรานที่นับถือศาสนาอิสลามเสียชีวิต ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะอ่านอัลกุรอานต่อหน้าหลุมฝังศพของผู้เป็นมารดาที่ถูกฝังไว้เมื่อวันศุกร์

ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดระเบิดที่หลุมฝังของมารดาของอาสาสมัครทหารพรานซัยค์ เจ๊ะดอมะ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ในกูโบร์ (สุสาน) ที่มัสยิดบ้านบ่อเจ็ดลูก ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา จนทำให้ อส.ทพ.ซัยค์ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วน นายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปี ผู้เป็นบิดา ได้รับบาดเจ็บอาการเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่

โดยในวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดยะลา กว่า 300 คน ได้ถือป้ายที่มีข้อความต่อต้านความรุนแรง พร้อมละหมาดฮายัด (ละหมาดขอพร) เพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ ที่บริเวณลานมัสยิดบ้านบ่อเจ็ดลูก โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางราชการ เช่น นายอุดร น้อยทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พันเอกเทิดศักดิ์ งามสนอง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา พันโทสุพรรณ ร้อยพุทธ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 นายก้องสกุล จันทราช นายอำเภอเมืองยะลา เข้าร่วมในพิธีด้วย

นางซันซานี เจ๊ะดอมะ อายุ 40 ปี ภรรยาของ อส.ทพ. ซัยค์ เจ๊ะดอมะ กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงระเบิดนั้น ตนเข้าใจว่าคงเกิดระเบิดบริเวณสี่แยกปากทางเข้าหมู่บ้าน แต่ไม่นานนักมีญาติโทรมาบอกว่า เกิดระเบิดที่กูโบร์เมื่อกี้นี้ อาแบ (สามี) เสียแล้ว ก็รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งพยายามทำใจ และเร่งไปดูศพสามี

“ไม่รู้ว่าคนที่ทำนับถือศาสนาอะไร ถึงได้เลือกสถานที่แบบนั้นก่อเหตุ เพราะความสูญเสียและภาพสะท้อนที่ตามมานั้น ไม่คุ้มกันเลย” นางซันซานี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

นางซันซานี ซึ่งต่อไปต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงดูลูกเล็กๆ สี่คน แทนสามีกล่าว เพิ่มเติมว่า เมื่อ ปี 2556 เขาเคยโดนลอบยิงมาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน หลังจากเสร็จกิจละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน แต่กระสุนพลาดเป้า แต่ก็มาโดนระเบิดจนเสียชีวิตในครั้งนี้

เด็กหญิงธัญชนก เจ๊ะดอมะ อายุ 10 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า “รักพ่อ จะขอเป็นเด็กดีตามที่พ่อเคยสอนไว้ จะเรียนให้สูงๆ เป็นทันตแพทย์อย่างที่พ่อตั้งใจอยากให้เป็น”

ผู้ร้ายฝังระเบิดสังหารที่หลุมศพมารดาของ อส.ทพ.ซัยค์

นายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปี บิดาของอาสาสมัครทหารพรานซัยค์ กล่าวว่า เมื่อมารดาของ อส.ทพ. ชัยค์ เสียชีวิต และได้มีการฝังศพในวันศุกร์ และอส.ทพ.ซัยค์ ได้เดินทางกลับมาบ้าน เพื่อที่จะอ่านอัลกุรอานให้แก่มารดาในวันอาทิตย์ แต่ต้องกลับเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

“เขาเอาระเบิดไปวางในหลุมศพด้านหัวของแม่ของซัยค์ ที่ตายมาตั้งแต่วันศุกร์ ก่อนที่จะกดระเบิด ขณะที่เรากำลังอ่านอัลกุรอาน” นายอาซิ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ก่อนจะเกิดเหตุวันเสาร์ ลูกสาวคนโตเห็นแล้วว่าบริเวณหลุมศพด้านหัวมีดินกระจุยกระจาย ลูกสาวก็กลับมาถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น ลูกสาวก็บอกว่าเดี๋ยวไปซื้อจอบไปแต่งหน้าดินใหม่ พอตกตอนเย็นวันเสาร์ไปซื้อ กะว่าวันอาทิตย์จะไปทำ แต่ก็มาเกิดระเบิดก่อน ตอนเช้า” นายอาซิกล่าว

“ไม่คิดเลยว่าคนอิสลามที่ทำ จะเลือกกูโบร์ซึ่งเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ในการก่อเหตุ คิดว่าคนที่ทำไม่มีศาสนา จุดอื่นไม่ใช่ว่าไม่มี ตามถนนก็มี แต่เลือกจุดนั้นก่อเหตุ ถือว่าเป็นคนไม่มีศาสนา เป็นไปไม่ได้ที่คนไทยพุทธทำ ต้องมีคนในอิสลามทำ” นายอาซิ กล่าว

นายอาซิ เล่าให้ฟังถึงตอนเกิดเหตุว่า ตนเองอยู่ห่างจากลูกชายประมาณ 10 เมตร เมื่อตนเองอ่านจบบทพอดี ก็เกิดระเบิด เห็นศพของภรรยาในห่อผ้าขาวโผล่ออกจากหลุมศพ ลูกชายกระเด็นไป ตนเองก็ลอยขึ้นแล้วก็ตกลงห่างจากจุดที่นั่งครั้งแรกประมาณ 4 เมตร ได้แต่นึกถึงอัลลอฮ์สามครั้ง แล้วเรียกลูกชายสามครั้ง พอมีคนมาช่วยก็ขอให้เขาพยุงตนเองดูลูกชาย

ทางด้าน นายอุดร น้อยทับทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า “ทุกคนไม่ต้องการสงคราม ทุกคนต้องการความสงบ ขอให้ยุติการก่อเหตุรุนแรงแล้วมาร่วมพัฒนา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ขออัลลอฮ์ทรงอภัยต่อผู้เสียชีวิต คุ้มครองครอบครัวของเขาให้ปลอดภัยในกูโบร์ (สุสาน) ขอให้ผู้ที่ก่อเหตุได้กลับตัวกลับใจ อยู่ในหลักของศาสนา ขอให้เกิดสันติสุขในพื้นที่”

กลุ่มไทยพุทธในพื้นที่ กล่าวว่า “เรามีน้ำตาสีเดียวกัน เรามีเลือดสีเดียวกัน และเราคือหัวอกเดียวกัน เราไม่อยากเห็นน้ำตา และเห็นเลือดจากการสูญเสียของพี่น้องเราได้อีกแล้ว ขอยุติความรุนแรงได้แล้ว เพื่อความสงบสุขของพี่น้องในพื้นที่”

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง