ครม. ผ่อนปรนแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยูอยู่ต่อได้ 2 เดือน
2020.06.02
กรุงเทพฯ
ในวันอังคารนี้ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาทำงานตามเอ็มโอยูด้านแรงงาน (ปกติ) อยู่ต่อไปและทำงานในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เพื่อลดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) และลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และสามารถทำงานได้ ซึ่งจากเดิมจะสิ้นสุดการอนุญาตผ่อนปรนในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ (หลังการมีการต่ออายุมาครั้งหนึ่งเมื่อสิ้นสุดออายุวีซ่า ในเดือนมีนาคม)
“คณะรัฐมนตรีเห็นชอบผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2563 เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย รวมทั้งช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานของสถานประกอบการ เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย” นางนฤมล กล่าว
ทั้งนี้ แรงงานในส่วนนี้ เป็นแรงงานที่เดินทางเข้ามาทำงานโดยผ่านกระบวนการบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานที่ประเทศไทย ได้เห็นชอบกับกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ในช่วงปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา เพื่อการอนุญาตให้แรงงานเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยถูกกฎหมายอย่างเป็นระบบ เพิ่มเติมไปจากการนำเข้าแรงงานด้วยกฎหมายเดิม
นอกจากนี้ ในส่วนกลุ่มแรงงานที่เข้ามาทำงานด้วยกฎหมายเดิม หรือที่ทางการไทยเรียกใหม่ว่า MOU (กรณีพิเศษ) หรือผู้ที่เคยพิสูจน์สัญชาติ และถือบัตรชมพูอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวนั้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 ทาง ครม. ได้มีมติเห็นชอบให้ผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามในกลุ่มนี้ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 และให้ยกเว้นค่าเปรียบเทียบปรับการอยู่เกินกำหนด (Overstay)
ทั้งนี้ นางนฤมล ระบุว่า ประกาศฉบับเดิมของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน ผ่อนผันให้คนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามเอ็มโอยูปกติ อยู่ในประเทศไทยได้จนถึงในวันที่ 31 พฤษภาคม 63 แต่ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยยังมีแนวโน้มที่จะใช้อยู่อีกระยะหนึ่ง กระทรวงแรงงานจึงได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครอง เห็นควรให้ผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าว 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ 1. แรงงานกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานไทย ภายใต้ MOU ด้านแรงงาน (เอ็มโอยูปกติ) และ 2. แรงงานกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งถือบัตรผ่านแดนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา 64
แรงงานเมียนมากลับบ้านต่อเนื่อง
ในตอนสิ้นเดือนมีนาคม สถิติของกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวเมียนมา ลาว และกัมพูชา 2,814,481 คน ซึ่งเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) ประเมินว่า มีแรงงานข้ามชาติมากกว่า 5 แสนราย ที่ถูกเลิกจ้าง หรือได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ทางการประเทศเพื่อนบ้านได้รายงานการเดินทางกลับประชาชนของตนในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
ด้านมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) เชื่อว่า ยังมีแรงงานข้ามชาติเหลืออยู่ในประเทศไทยกว่าหนึ่งล้านคน
ในห้วงเวลานี้ ยังมีแรงงานต่างด้าวทยอยเดินทางกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยนายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาลไทยอนุญาตให้ชาวเมียนมาเดินทางกลับประเทศได้ มีคนเมียนมา เดินทางกลับประเทศผ่านทางอำเภอแม่สอดแล้วเกือบหนึ่งหมื่นคน
“มีแรงงานเมียนมาเดินทางกลับประเทศนับตั้งแต่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประมาณเกือบหมื่นคนแล้ว ตั้งแต่ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เราเปิดแค่สะพานเดียว มีคนที่ลงทะเบียนกลับสามพันกว่าคน และที่ไม่ลงทะเบียนประมาณกว่าห้าพัน ดังนั้น น่าจะกลับแล้วประมาณเกือบหมื่นคน” นายชัยพฤกติ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ที่ด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ใน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวนมากเดินทางกลับประเทศ
น.ส.อาโนวา ชาวเมืองย่างกุ้ง อายุ 24 ปี หนึ่งในแรงงานเมียนมาที่มารอกลับประเทศ เปิดเผยว่า ตัดสินใจเดินทางกลับ หลังจากทราบข่าวว่า ทางการไทยอนุญาตให้ข้ามแดนได้
“ฉันทำงานในกรุงเทพ ได้ 5-6 เดือน เป็นแม่บ้าน ทางการไทยอนุญาตเลยตัดสินกลับ พร้อมเพื่อนๆ ประมาณ 20 คน รู้ว่ากลับบ้านต้องถูกกักตัว กลับมาไทยก็ต้องถูกกักอีก ต้องเสียเวลาเหมือนว่างงานอีกนับเดือน ลำบากแน่นอนในช่วง 3-4 เดือนต่อไปนี้เป็นอย่างน้อย” น.ส.อาโนวา กล่าว
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ต้องระวังตัวเองจากโควิด กลับถึงบ้านน่าจะต้องใช้เงินที่เก็บมา 3-4 เดือน จากนั้นเงินหมดก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย ทั้งของตัวเองและครอบครัว ชีวิตวันนี้ ได้รับผลกระทบมากมาย” น.ส.อาโนวา กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นายเส่งเส่ง ชาวเมืองกอกาเรก อายุ 28 ปี ระบุว่า ตนเองเป็นแรงงานทำงานที่อำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ตัดสินใจกลับบ้าน หลังจากที่ช่วงสงกรานต์ไม่สามารถกลับได้
“เดิมคิดจะกลับบ้านช่วงสงกรานต์ แต่ทางการไทยห้ามเดินทาง เข้า-ออก เพื่อป้องกันโควิด จึงต้องรอช่วงการคลายล็อค ถ้าเหตุการณ์ปกติก็จะกลับมาไทยเพื่อทำงานอีกครั้ง แต่ 2-3 เดือนข้างหน้า ผมและครอบครัวคงลำบากแน่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิดจะหมดสิ้นจริง ๆ เมื่อไร” นายเส่งเส่ง กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้แจ้งให้แต่ละจังหวัดอำนวยความสะดวกให้แรงงานเมียนมาเดินทางกลับบ้านได้ โดยต้องลงทะเบียนล่วงหน้ากับสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย และส่งรายชื่อให้จังหวัดชายแดน ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงด่านชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก และด่านชายแดนแม่สาย จังหวัดเชียงราย เท่านั้น ที่เปิดให้ชาวเมียนมาเดินทางกลับได้ สำหรับชายแเดนแม่สาย มีคนเดินทางกลับแล้วกว่า 100 ราย ตามการเปิดเผยของ นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย
มารียัม อัฮหมัด ร่วมรายงานข่าวนี้