เจ้าของสถานีเคเบิ้ลทีวี ฟ้าให้ทีวี แจงพร้อมสู้คดีเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2015.11.20
Share on WhatsApp
Share on WhatsApp
TH-Fahhai-sedition-620 นางสาวพรทิพา สุพัฒนุกูล เจ้าของสถานีเคเบิ้ลทีวี ฟ้าให้ทีวี โพสต์รูปและข้อความในเฟซบุค แจงกรณีถูกตั้งข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง 20 พ.ย. 2558
เครดิต เฟสบุ๊ค ฟ้า พรทิพา ข่าวเพื่อประชาชน

นางสาวพรทิพา “ฟ้า” สุพัฒนุกูล เจ้าของสถานีเคเบิ้ลทีวี ฟ้าให้ทีวี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันศุกร์นี้ว่า ตนและพนักงานพร้อมต่อสู้คดีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่ก่อให้เกิดซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อหาออกอากาศโดยไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี รวมทั้งข้อหาอื่นๆ

นางสาวพรทิพา ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์ว่า เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าค้นสถานีในตอนสิบโมงเช้าของวันพุธ และตรวจค้น จนกระทั่งถึงตอนตีหนึ่งของวันพฤหัสบดี ตนเองและพนักงานอีกสี่คน รวมเป็น 5 คน และผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคล คือ บริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด รวมเป็นผู้ต้องหา 6 ราย จึงได้ถูกนำตัวไปยังกองบังคับการกองปราบปราม

เจ้าหน้าที่ทหารได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งหก ซึ่งในชั้นต้นได้ตั้งข้อหา 2 กระทง คือ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ที่ก่อให้เกิดซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และข้อหาออกอากาศโดยไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัวออกมา เมื่อห้าโมงเย็นของวันพฤหัสบดี ด้วยเงินประกันคนละ 20,000 บาท

ส่วนนายปัณณธร รัตน์ภูริเดช หรือดีเจปันปัน และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. นั้น ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมออกหมายเรียกให้มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ ซึ่งมีที่ตั้งในอำเภอปากเกร็ด นนทบุรี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ประกอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44

พรทิพาแสดงเจตนาบริสุทธิ์

“ในตอนนั้น ฟ้ารู้สึกตกใจมาก เรื่องข้อหานั้นได้รับทราบตั้งแต่วันพฤหัสบดีแล้ว ในตอนนี้ กำลังรอให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป” นางสาวพรทิพากล่าว

นางสาวพรทิพา เล่าให้ฟังว่า รายการที่ก่อให้เกิดปัญหานั้น เป็นรายการของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่เป็นรายการอัดล่วงหน้า โดยมีผู้ใหญ่ได้ขอให้นำมาลงผังรายการของฟ้าให้ทีวี ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ใช้ชื่อรายการ “เสียงเสรี” ซึ่งภายหลังตนทราบว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสม จึงได้สั่งระงับการออกอากาศรายการนี้ ไปเมื่อวันที่ 22 เดือนตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตามพนักงานในบริษัทได้มีการออกอากาศนี้ในวันที่เกิดเหตุ

“ฟ้าเห็นว่าเนื้อหารายการมีความไม่เหมาะสม จึงได้ยุติการออกรายการไปตั้งแต่วันที่ 22 เดือนตุลาคม ฟ้ามีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ได้” นางสาวพรทิพากล่าว

“ฟ้าขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ของรายการนี้ โดยปกติฟ้าจะเป็นคนตรวจสอบรายการเอง เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาวันนั้น ฟ้าไม่ได้อยู่ดูแลจึงทำให้มีการนำรายการนี้ออกมาอีก” นางสาวพรทิพากล่าวเพิ่มเติม

นางสาวพรทิพากล่าวว่า ตนเองตั้งสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ เมื่อเดือนมีนาคมศกนี้ ด้วยเงินทุน 6 ล้านบาท โดยมีใบอนุญาตดำเนินการอย่างถูกต้อง เพียงแต่ว่าในขณะที่ถูกตรวจค้นนั้น ไม่ได้แสดงใบอนุญาตประกอบการได้ทันท่วงที

ทหารแจ้งความต่อตำรวจ เพิ่มอีก 2 ข้อหา

ในวันศุกร์นี้ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้รายงานว่า พ.อ.บุรินทร์ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 8 รายไปเบื้องต้น 2 ข้อหาแล้ว วันนี้ ได้แจ้งความเพิ่มเติมต่อเจ้ากน้าที่ตำรวจอีก 2 ข้อหา คือ 1. นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากพบว่า เนื้อหาและคำพูดที่นำออกอากาศในรายการดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริง และมีเนื้อหาที่จะก่อให้ประชาชนเข้าใจผิด ประมาณ 2-3 ตอนที่ออกอากาศ เช่น การพูดพาดพิงถึงหน่วยงานอิสระหน่วยงานหนึ่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ระบุถึงการได้มาซึ่งตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง การพูดโจมตีองค์กรอื่นๆ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง รวมทั้ง การพูดถึงคดีหมิ่นสถาบันฯ กรณีอุทยานราชภักดิ์ จ. ประจวบคีรีขันธ์

ส่วนข้อหาที่สี่นั้นคือ ข้อหานำเครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ ออกมาใช้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง