แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าเฝ้าผู้สำเร็จฯ สุลต่านกลันตัน

มารียัม อัฮหมัด
2017.05.22
จังหวัดชายแดนภาคใต้
TH-MY-sultan-1000 พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮัมมัด รามลี บิน จาอาฟาร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 มาเลเซียขณะต้อนรับคณะของแม่ทัพภาคที่ 4 จากไทย 22 พฤษภาคม 2560
เบนาร์นิวส์

แก้ไขข้อมูล 11:05 PM 2017-05-22 EST

ในวันจันทร์ (22 พฤษภาคม 2560) นี้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะเดินทางไปยังรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าเฝ้าฯ ดร.โมฮัมหมัด ฟาอีส ปุตรา ผู้สำเร็จราชการแทนสุลต่านโมฮัมหมัดที่ 5 แห่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นรัฐกลันตัน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบก.ศชต.) และคณะได้เดินทางไปยังกองบังคับกองพลน้อยทหารราบที่ 8 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และร่วมหารือแนวทางการแก้ปัญหาชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมี พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด รามลี บิน จาอาฟาร ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 มาเลเซีย และคณะให้การต้อนรับ

จากนั้นในเวลา 11.30 น. พล.ต.ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด ได้นำคณะ พล.ท.ปิยวัฒน์ เดินทางไปยังวังสุลต่านรัฐกลันตัน เพื่อเข้าเฝ้าฯ มหาเมอลียา ดร.ตุงกู โมฮามัด ฟาอีส ปุตรา อิบนี สุลต่าน อิสมาแอล ปุตรา ผู้สำเร็จราชการแทนสุลต่านโมฮัมหมัดที่ 5 แห่งรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า การหารือกับฝ่ายมาเลเซียในครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้ประโยชน์ในการนำมาปรับใช้แก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา โดยเน้นการเข้าถึงประชาชน

“ควรใช้การเข้าถึงประชาชน พูดคุยกันให้เข้าใจ ตามยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รวมถึงดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจให้เกิดความกินดีอยู่ดี นอกจากนี้ ฝ่ายมาเลเซียยังมีความยินดี ในเรื่องการลาดตระเวนตามลำน้ำร่วมกัน และ หากมีปัญหาอะไรก็สามารถพูดคุยกับคณะกรรมการได้เลยทันที” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าว

“ด้านปัญหายาเสพติด มาเลเซียยอมรับว่ามีปัญหาเช่นเดียวกัน และจะช่วยกันในการแก้ไขปัญหานี้ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในส่วนการกระทำความผิดของคนไทยที่หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียนั้น ทางมาเลเซียยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือทุกด้าน” พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติม

พล.ท.ปิยวัฒน์ระบุว่า การพูดคุยกันในวันนี้ จะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบมากยิ่งขึ้น เพราะรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มีชายแดนติดกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทย และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศทั้งฝ่ายทหารและตำรวจมาโดยตลอด

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ผบก.ศชต.) กล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้นอกจากหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ยังเป็นการหารือความร่วมมือด้านอาชญากรรมของทั้งสองประเทศด้วย

“การเดินทางมาเยือนมาเลเซียในครั้งนี้ นับเป็นการหาความร่วมมือในทุกมิติในการดำเนินการทางอาชญากรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะมีการพูดคุยลงละเอียดในหัวข้อย่อยในครั้งต่อไป ซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ จะส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน

และจะช่วยกันในการแก้ไขปัญหานี้ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น” พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าว

หลังจากนั้นคณะผู้แทนจากไทยได้เดินทางไปยังสถานกงสุลไทยประจำรัฐกลันตัน และหารือร่วมกับนายไพฑูรย์ สงค์แก้ว กงสุลใหญ่ประจำรัฐกลันตัน ในประเด็นการให้ความช่วยเหลือคนไร้สัญชาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของคนไทยที่กำเนิดในประเทศมาเลเซีย และยังไม่ได้รับสัญชาติ โดยพบว่า มีคนไทยไร้สัญชาติประมาณ 400 คน ที่พร้อมตรวจดีเอ็นเอ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสัญชาติ

โครงการตรวจสอบดีเอ็นเอ ริเริ่มโดยสำนักกงสุลใหญ่ ในเมืองโกตาบารู โดยขอใช้งบประมาณของ ศอ.บต. และจะจัดการเก็บดีเอ็นเอของบุคคลที่สำนักงานกงสุลใหญ่ โกตาบารู ประเทศมาเลเซีย

*รายงานฉบับก่อนหน้านี้ ไม่ได้ใส่ข้อมูลล่าสุดของ โครงการตรวจสอบดีเอ็นเอ โดยสำนักกงสุลใหญ่

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง