ทางการพักโทษหะยีดาโอ๊ะท่าน้ำ หลังติดคุก 18 ปี

นาซือเราะ
2015.09.21
TH-PAROLE-HajiDao-620 “หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ” อดีตแกนนำขบวนการพูโล กำลังเดินออกจากเรือนจำปัตตานี หลังได้รับการพักโทษ 19 กันยายน 2558
เบนาร์นิวส์

เป็นเวลา 38 ปี ที่ต้องจากบ้านเกิดในอำเภอปานาเระ จังหวัดปัตตานี ในที่สุดในวันเสาร์ที่ผ่านมา นายดาโอ๊ะ มะเซ็ง หรือที่รู้จักกันในฉายานาม “หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ” อดีตแกนนำขบวนการพูโล ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมารดาวัย 85 ปี และประกาศว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือเยี่ยงคนธรรมดา

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโลคนสำคัญ เล่าให้เบนาร์นิวส์ฟังที่ บ้านเลขที่ 63  ม.1 ต. ท่าน้ำ อ. ปะนาแระ จ. ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของมารดาว่า ตนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวในปี 2541 และถูกตั้งข้อหาแบ่งแยกดินแดน และข้อหาฆ่าผู้อื่น จากนั้นในปี 2545 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิต แต่เนื่องจากได้ให้การเป็นประโยชน์ จึงได้ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาในปี 2548 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น จนกระทั่งการต่อสู้คดีดำเนินมาถึงปี 2554 ศาลฎีกา ได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้จำคุกตลอดชีวิต ตนเองจึงต้องถูกคุมขังต่อไปนับแต่นั้นมา

ด้วยเหตุที่หะยีดาโอ๊ะ ได้ประพฤติตนเป็นนักโทษชั้นดี รับโทษการลดหย่อนโทษ รับโทษมาแล้วราว 18 ปี ถือเป็นสองในสามของโทษที่เหลือหลังการลดหย่อน ทางการไทยที่ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นกับฝ่ายกลุ่มผู้เห็นต่างกับรัฐบาล จึงได้มีการพักโทษให้หะยีดาโอ๊ะ ที่ได้แสดงความตั้งใจต่อทางการไทยในการช่วยแก้ไขปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรื้อรังมาตั้งแต่ปี 2547



“กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันทำข้อเสนอเพื่อขอปล่อยตัวออกมา ก่อนครบกำหนดโทษ โดยคณะกรรมการเรือนจำจังหวัด กรมราชทัณท์ และกระทรวงยุติธรรม ได้พิจารณาอนุญาต และได้รับการปล่อยตัว วันนี้ เวลาเก้าโมงเก้านาที” หะยีดาโอ๊ะ กล่าว “จริงๆ ถ้าคิดตามเวลากำหนดจะพ้นโทษ ในปี 2568 อยู่มาแล้ว 18 ปี แต่ละปีจะได้รับการอภัยโทษ ซึ่งหากเป็นไปตามปกติ ก็จะต้องอยู่ในเรือนจำอีก 5 ปี”

“เมื่อได้รับการปล่อยตัวเป็นกรณีพิเศษ มีความรู้สึกว่าสุด ๆเลย ยิ่งเมื่อได้เดินก้าวออกจากเรือนจำปัตตานี คำแรกที่นึกในใจ คือ ได้รับแล้ว อิสรภาพอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ ตลอด 18 ปี ที่อยู่ในเรือนจำ จากเรือนจำบางขวาง ก่อนจะมา เรือนจำสงขลา และ เรือนจำปัตตานี ไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะมีวันนี้ เป็นความรู้สึกดีใจ อย่างไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต เป็นวันประเสริฐสำหรับตัวเองจริงๆ” หะยีดาโอ๊ะ กล่าว

การรอคอยของมารดา

“พอเข้ากอดกันเราต่างคนต่างร้องไห้ ไม่มีคำพูดใดๆ ร้องไห้เพราะดีใจ ไม่ได้เจอกัน กอดกันแบบนี้ นาน 30 กว่าปีแล้ว และเขาก็ยังไปอยู่ในคุกอีก 18 ปี นานมาก เมื่อเจอครั้งแรก ต่างดีใจมาก มีแต่น้ำตา” นางมีเนาะ มะเซ็ง มารดาวัย 85 ปี ของนายดาโอ๊ะ มะเซ็ง เล่าให้เบนาร์นิวส์ฟัง เมื่อนางได้มีโอกาสสวมกอดลูกชายครั้งแรกในรอบกว่าสามสิบปี

“สักพักเขาก็พูดว่า หิวข้าว ขอกินข้าว ก็พาเขาไปกินข้าว ต้อนรับเขาด้วยข้าวหมกแพะ แม่ได้เชือดแพะตามที่ได้บนไว้ว่า ถ้าเขาออกมาได้จริงๆ ขอเชือดแพะให้เขากิน และแม่ก็ได้ทำจริงๆ ถือโอกาสวันแรกที่เขาออกมาแล้วเลี้ยงเขาเป็นอาหารมื้อแรกให้เขาได้กิน” นางมีเนาะ กล่าว

นางมีเนาะ มะเซ็ง มารดาวัย 85 ปี ของนายหะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ให้สัมภาษณ์แก่เบนาร์นิวส์ที่บ้าน ในอำเภอปานาเระ จ. ปัตตานี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

นางมีเนาะ ได้กล่าวถึงการรอคอยว่า เมื่อคืนวันศุกร์ ดาโอ๊ะ โทรมาหาตน และบอกว่า วันพรุ่งนี้ จะออกจากเรือนจำแล้ว ก็ดีใจ มีความหวัง แต่ก็แอบเผื่อใจผิดหวังนิดๆ เพราะตลอดที่ผ่านมา ก็เคยได้รับข่าวว่าจะปล่อยตัว แต่สุดท้ายต้องรอเก้อมาทุกครั้ง จนกระทั่งถึงเวลา 10 โมงเช้าของวันเสาร์นี้ ขณะที่ตนนั่งอยู่บนบ้าน ได้ยินเสียงรถยนต์หลายคันจอดหน้าบ้าน แล้วเขาเดินขึ้นมากอด

ประวัติวัยเยาว์

มารดานายดาโอ๊ะ เล่าให้ฟังว่า ดาโอ๊ะ มีอายุ 58 ปี แล้ว โดยเกิดเมื่อปี 2500 เขามีพี่น้อง 6 คน ดาโอ๊ะ เป็นลูกคนที่ 2 เขาเรียนจบชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านท่าน้ำ เป็นโรงเรียนแถวบ้าน ก่อนจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลามพ่อมิ่ง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี 2 ปี และได้ไปเรียนที่โรงเรียนมูฮำมาดียะห์วิทยา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีอีก 3 ปี

“หลังจากนั้นเขาก็มาขอไปเรียนที่ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตอนอยู่ที่นั่น เขาเรียนด้วย ทำงานรับจ้างเย็บเสื้อด้วย แล้วไปเรียนที่ซีเรีย จนจบ พอกลับมาบ้านได้ไม่นาน เขาก็บอกว่าจะไปกรีดยางที่มาเลเซีย และต่อมาก็ทราบข่าวว่าถูกจับ อยู่ที่กรุงเทพ” นางมีเนาะกล่าว

ในห้วงวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆ นายดาโอ๊ะ มะเซ็ง เล่าว่า ตนได้เดินทางไปเรียนต่อที่นครเมกกะ 5 ปี จากนั้น ไปเรียนคณะนิเทศศาตร์ สาขาประชาสัมพันธ์ ที่ประเทศซีเรีย จนจบปริญญาตรีเป็นเวลา 4 ปี

“พอเรียนจบได้กลับมาอยู่บ้านที่ท่าน้ำได้แค่ 5 เดือน หวังจะมาอยู่บ้านกับแม่และพัฒนาพื้นที่ แต่เจ้าหน้าที่มาบอกว่าตัวเองเป็นคนปลุกระดมชาวบ้านให้แบ่งแยกดินแดน ก็เลยต้องหนีเข้ามาเลเซีย จนกระทั่งมาถูกจับที่มาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งตัวไปคุกบางขวางเลย” หะยีดาโอ๊ะ ระลึกเรื่องราวครั้งเก่าให้ฟัง

อดีตนายทหารระดับสูงที่เคยทำงาน ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ในอดีต หะยีดาโอ๊ะ เป็นฝ่ายทหารของขบวนการแบ่งแยกดินแดนพูโล แต่ในช่วงที่ถูกจับในประเทศมาเลเซียนั้น ไม่ได้มีความสำคัญในการควบคุมการปฏิบิตการในพื้นที่มากนัก

มองไปข้างหน้า

ชีวิตหลังจากนี้ ดาโอ๊ะบอกว่า “ขอเป็นประชาชนปกติ พร้อมกับช่วยแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ตามที่เคยคาดหวังเมื่อตอนสมัยอยู่ในเรือนจำ  เพราะเขา มีความเจ็บปวดมาตลอดเมื่อทราบข่าวว่า พี่น้องในพื้นที่มีความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ  เพียงแต่ตอนนี้ ยังไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากขอเวลาตั้งสติ และคิดหาจุดเริ่มต้นในการช่วยแก้ปัญหา สำหรับเรื่องการพูดคุยสันติสุข ตนเองเห็นด้วย และเชื่อว่า ทางคณะพูดคุยชุดนี้ มีการวางกรอบไว้เป็นอย่างดีแล้ว”

นายดาโอ๊ะ กล่าวอีกว่า วันนี้ ตัวเองถูกปล่อยตัวแล้วและเพื่อนที่ถูกจับพร้อมกัน นายบือโต เบตง หรือ บาบอแมบือโต เบตง ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เมื่อปี 2556 นายมะแอ สะอะ หรือหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เมื่อ 17 ก.ค. 58 ยังเหลือนายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลกาเดร์ ที่ยังอยู่ในเรือนจำนาทวี คิดว่าไม่นาน เจ้าหน้าที่น่าจะมีข่าวดี ในการปล่อยตัวกรณีพิเศษเช่นกัน เพราะบาบอแมมีอายุมากแล้วด้วย

นอกจากนายดาโอ๊ะ มะเซ็ง หรือ หะยีดาโอ๊ะ ท่าน้ำ ในวันเสาร์ ที่ 19 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ที่เรือนจำกลางประจำจังหวัดปัตตานี นายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมพิธีปล่อยตัวนักโทษ ทั้งหมด 8 ราย อีก 7 ราย ประกอบด้วย 1. นายมะกอรี ดาโอ๊ะ หรือ การิมแบล็ค 2. นายหามะ สือแม หรือ แบยาคูระ 3. นายนุรดีน อาแว 4. นายอัรฟาน บินอาแว 5. นายอาลี สาและ 6. นาย ธีรภัทร ทวีนาค และ 7. นายจีรวัฒ ศรีสุขมาก ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยจากกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ พร้อมการต้อนรับจากญาติพี่น้องเป็นจำนวนมาก

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง