นักสิทธิร้องรัฐ-ตำรวจ สอบสวนการทำร้ายนักเคลื่อนไหวการเมือง

นนทรัฐ ไผ่เจริญ และวิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.07.03
กรุงเทพฯ
190703-TH-activist-injured-800.jpg นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักเคลื่อนไหวการเมืองเพื่อประชาธิปไตย พักรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังจากถูกรุมทำร้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในกรุงเทพฯ วันที่ 3 กรกฎาคม 2562
เอพี

ในวันพุธนี้ ประชาชนและตัวแทนจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เดินทางเข้ายื่นจดหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล และตำรวจ สอบสวนการทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงคุ้มครองสิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดเห็นของประชาชน

เมื่อช่วงสายวันนี้ ประชาชนและตัวแทนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ประมาณ 10 คน ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเข้ายื่นจดหมาย โดยมี พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจสันติบาล และ พ.ต.อ.คมสัน สุขมาก รองผู้บังคับการคดีปกครองและคดีแพ่ง สำนักงานกฎหมายและคดี เป็นตัวแทนรับจดหมาย โดยตัวแทนผู้ยื่นจดหมายได้ใส่เสื้อซึ่งมีข้อความว่า “#เราทุกคนคือจ่านิว” และสวมหน้ากากรูป นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งถูกทำร้ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หนึ่งในตัวแทนยื่นจดหมายกล่าวว่า ต้องการให้รัฐและตำรวจคุ้มครองนายสิรวิชญ์ นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ (หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง) นักกิจกรรมทางการเมืองซึ่งถูกทำร้ายหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

“รัฐบาลต้องให้การคุ้มครองประชาชนให้สามารถใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก และการชุมนุมอย่างสงบโดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อการคุกคาม การตอบโต้ หรือการแก้แค้น และให้ยุติการดำเนินคดีอาญาอันเป็นการแทรกแซงสิทธิเหล่านี้” นางปิยนุช กล่าว

“ทางการไทยต้องมีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม สอดคล้องกับพันธกรณีที่มีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในการให้การคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ต้องเตรียมมาตรการรับมือกรณีที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ร้องขอความคุ้มครองด้านความปลอดภัยอย่างเร่งด่วน และเมื่อเกิดเหตุการคุกคาม ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนหาผู้กระทำความผิดโดยเร็วที่สุด” ปิยนุชกล่าว เพิ่มเติม

ทั้งนี้ จดหมายที่แอมเนสตี้ ยื่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเนื้อความโดยสรุประบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2562 นายสิรวิชญ์  นายเอกชัย  และนายอนุรักษ์ ถูกทำร้ายร่างกายและคุกคาม รวมกันทั้งหมด 9 ครั้ง โดยการกระทำเหล่านั้น มีตั้งแต่การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธไปจนถึงการทำลายทรัพย์สิน ขณะที่การสืบสวนสอบสวนยังไม่มีความคืบหน้า แม้ว่านักกิจกรรมซึ่งถูกคุกคามจะได้ส่งหลักฐานต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็ตาม

“ขอกระตุ้นให้รัฐบาลไทยดำเนินการสอบสวนอย่างเร่งด่วน อย่างมีประสิทธิผล ไม่ลำเอียง และเป็นอิสระต่อเหตุการณ์ และให้นำตัวผู้กระทำผิดมาไต่สวนตามกระบวนการยุติธรรมที่สอดคล้องกับมาตรฐานความเป็นธรรมระหว่างประเทศ” จดหมายดังกล่าว ระบุ

ด้าน พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจสันติบาล กล่าวแก่สื่อมวลชน และตัวแทนผู้ยื่นจดหมายว่า สตช. ดำเนินการสอบสวนและสืบสวน และจะเปิดเผยความคืบหน้าให้แก่สังคมทราบ

“เชื่อว่าประชาชนทุกคนรวมถึงตัวท่านนายกฯเอง รองนายกฯ ก็ให้ความห่วงใย ต้องการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ ท่าน ผบ.ตร.ท่านก็ลงมาดูด้วยตัวเอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทางแอมเนสตี้ ท่าน ผอ. แล้วก็ทุกภาคส่วนของประเทศไทยให้ความสนใจ แล้วก็ไม่ปล่อยไปเหมือนครั้งผ่านๆ มา” พล.ต.ต.ทนัย กล่าว

“ทราบว่าคดีที่ผ่านมาก็อยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ ก็ได้นำมารวบรวมสำนวนต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถที่จะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบต่อไป ในส่วนนี้ ก็จะขอรับหนังสือจากท่าน ผอ. แอมเนสตี้ไว้ แล้วก็จะนำเรียนท่าน ผบ.ตร. เพื่อสั่งการให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวนต่อไป ก็ขอบคุณแอมเนสตี้ที่เป็นหูเป็นตาและห่วงใย ก็ขอขอบคุณ” พล.ต.ต.ทนัย ระบุ

เมื่อวานนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามเรื่องนี้แล้ว และไม่ได้ถือว่าตนเป็นศัตรูของจ่านิว

“ผมไม่ใช่ศัตรูของเขา ตอนนี้ มีผลกระทบอย่างมากในสังคมของเรา การทำร้ายซึ่งกันและกัน มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม” พลเอกประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2562 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักกิจกรรมทางการเมือง ถูกคนร้ายรุมทำร้ายบริเวณปากซอยบ้านพักของตนเองย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส จมูกและกระดูกใบหน้าหัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีคนร้าย 4 คน ใช้ท่อนไม้ตี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายใส่หมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า และใช้ยานพาหนะเป็นจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทำให้ปัจจุบัน ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาดำเนินการสอบสวนได้

องค์กรสิทธิมุนษยชนและประชาชน ยื่นจดหมายเปิดผนึกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รัฐสอบสวนการทำร้ายนักเคลื่อนไหว วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 (นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์)
องค์กรสิทธิมุนษยชนและประชาชน ยื่นจดหมายเปิดผนึกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รัฐสอบสวนการทำร้ายนักเคลื่อนไหว วันที่ 3 กรกฎาคม 2562 (นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์)

งานเสวนาแนะทางออก

ในวันเดียวกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีงานเสวนาเรื่อง “ทุเลาความรุนแรงและความเกลียดชังในสังคมไทย” โดย นักวิชาการระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงทางการเมืองทั่วประเทศ มีส่วนที่คล้ายกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มีการเสนอแนวทางแก้ไขไว้ด้วย

รศ.ดร.ฉันทนา บรรพสิริโชติ หวันแก้ว ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในการศึกษาความขัดแย้งในประเทศไทยจะพบว่า ความขัดแย้งในปัจจุบัน เริ่มพัฒนาไปสู่ความรุนแรง และมีความเป็นแบบแผน

“ถ้าเราติดตามมาตั้งแต่สงครามเสื้อสี แล้วก็สามจังหวัดภาคใต้ เราเริ่มเห็นแบบแผน คือการทำร้ายร่างกายของคนที่แสดงความเห็นที่แตกต่างจากตัว อาจจะพบการโต้ตอบกันด้วยภาษาที่รุนแรง ซึ่งในระดับนั้นทางการเมืองก็ยังยอมรับได้ แต่ถ้ามาถึงขั้นทำร้ายร่างกาย หรือมุ่งหวังชีวิตแล้วอันนี้คือ ความรุนแรง และเริ่มเป็นแบบแผนแล้ว เพราะมีหลายกรณีเกิดขึ้นในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา อันนี้ เป็นสิ่งที่คนที่ต้องอยู่ในอำนาจตัดสินใจต้องให้ความสนใจ” รศ. ดร.ฉันทนา กล่าว

รศ.ดร.ฉันทนา ระบุว่า มีแนวทางการป้องกันความขัดแย้ง 4 ข้อหลัก

“ประการแรก ต้องไม่ต้องการความรุนแรง 2. ต้องสร้างความไว้วางใจ 3. ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (นำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย) และ 4. ต้องมีความอดทนอดกลั้นมากที่สุด ในกระบวนการแก้ไขความขัดแย้ง เรามีความขัดแย้งมา 10 กว่าปี เรามีรัฐบาลจากรัฐประหาร เราคิดว่าสถานการณ์แก้ไขไปแล้ว แต่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นก็พบว่าไม่จริง” รศ.ดร.ฉันทนา กล่าวเพิ่มเติม

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง