หมู่อาร์มขอ ป.ป.ช. คุ้มครองตนเอง หลังเปิดเผยคดีทุจริตกองทัพ

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2020.06.09
กรุงเทพฯ
200609-TH-army-whistleblower-1000.jpg พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (กลาง) พร้อมนายทหารอาวุโส คุกเข่าในพิธีสาบานตน ต่อหน้าอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ที่กองทัพบก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป 24 มีนาคม
เอเอฟพี

ในวันอังคารนี้ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม เข้ายื่นหนังสือต่อ คณะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอความคุ้มครองพยานในคดีที่ตนเองได้เปิดเผยการทุจริตในกองทัพบก จนอาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดีในศาลทหาร และการข่มขู่ ด้าน ป.ป.ช. ยืนยันพร้อมคุ้มครอง ส.อ.ณรงค์ชัย แต่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี เดินทางไปที่ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อนำรายชื่อประชาชนกว่า 7,000 คน ที่ร่วมเรียกร้องให้ ป.ป.ช. คุ้มครองตนเองในฐานะพยานที่ให้เบาะแสการทุจริตเงินเบี้ยเลี้ยงในกรมสรรพาวุธทหารบก

“กระบวนการคุ้มครองพยานไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น… ตอนที่ท่าน ผบ.ทบ. ตั้งสายตรงขึ้นมาเนี่ย เสร็จแล้วมันไม่มีระเบียบตัวไหนเลยที่จะคุ้มครองพยาน หรือคุ้มครองชั้นผู้น้อยได้เลย ชั้นผู้น้อยโดนอย่างเดียวเลย… ถ้าผมไม่เดือดร้อนจริง ผมจะไม่มาด้วยตัวเองแน่นอน และผมไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องเสี่ยงอันตราย มาทำแบบนั้น” ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าว

“มันก็มีการตามบ้างอะไรบ้าง ขับรถตาม ประกบมันมีนะครับ… ในส่วนนี้มันจะเป็นผลต่อประชาชนทั่วไปในอนาคต ข้าราชการทุกคนในอนาคตเนื่องจาก พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญปี 2561 ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต… ผมอยากให้ ป.ป.ช. บังคับใช้กฎหมายตัวนี้” ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวเพิิ่มเติม

ในการยื่นหนังสือ นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เป็นผู้รับหนังสือจาก ส.อ.ณรงค์ชัย โดยระบุว่า กระบวนการตรวจสอบข้อมูลคุ้มครองพยานจะใช้เวลาไม่นาน แต่จำเป็นต้องตรวจสอบว่าถูกคุกคามจริงหรือไม่

“ท่านเลขาฯ มอบหมายให้ผมมารับหนังสือจากหมู่ ก็ดำเนินการรับไว้แล้วกัน ทราบจากเจ้าของเรื่องว่า กำลังนำเข้ากรรมการแล้ว อยู่ในวาระแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วในเรื่องของการคุ้มครอง… ขั้นตอนในการขอคุ้มครอง ก็จะมาตรวจเนื้อหาของคุณหมู่อาร์ม ร้องมาที่ ป.ป.ช. ว่า มีประเด็นอะไร เช่น ถูกคุกคาม ข่มขู่ หรือว่าถูกกลั่นแกล้ง มันมีอยู่ 2-3 ประเด็น สำนักสืบสวนก็จะมาตรวจสอบหาความจริงว่า ใช่ไหม คุกคามข่มขืนจากประเด็นไหน ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คุ้มครองให้” นายสุทธิ กล่าว

การยื่นหนังสือของ ส.อ.ณรงค์ชัย ในวันนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้นำ ส.อ.ณรงค์ชัย ทหารสังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก กระทรวงกลาโหม เข้าร้องเรียนต่อกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรณีทหารชั้นผู้น้อยถูกโกงเงินเบี้ยเลี้ยง

การร้องเรียนครั้งดังกล่าว ส.อ.ณรงค์ชัย ซึ่งเข้ารับราชการในปี 2554 มีตำแหน่งล่าสุดเป็น เสมียนงบประมาณ แผนกโครงการและงบประมาณ กองแผนและโครงการ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ฯ ได้ใช้หลักฐานเป็นหนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวของศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ไปยังจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งใช้งบประมาณ 18,360 บาทต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้งบประมาณ 12,240 บาทต่อครั้ง จำนวน 2 ครั้ง และโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันยาเสพติด ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2562 โดยในทุกโครงการ ใช้ชื่อทหารร่วมโครงการ 25 คน มีนายทหาร ยศพันโท และทหารหญิงยศสิบโท เป็นผู้ลงนาม ซึ่ง ส.อ.ณรงค์ชัยอ้างว่า โครงการทั้งหมดไม่มีการเดินทางจริง และตนเองถูกบังคับให้ลงชื่อ เมื่อทำการทักท้วงไปยังผู้เกี่ยวข้อง กลับถูกกลั่นแกล้งด้วยการลงโทษทางวินัย รวมถึง เมื่อผ่านลำดับชั้นการบังคับบัญชาของกองทัพก็ไม่ได้ผล

ต่อการร้องเรียนดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ได้แถลงข่าวระบุว่าสิ่งที่ ส.อ.ณรงค์ชัย ร้องเรียนนั้นน่าจะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง ดังนั้น กองทัพบกจึงส่งเรื่องดังกล่าวต่อไปให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ และยืนยันว่า จะไม่มีการปกป้องผู้ที่กระทำผิด

“จากการสอบสวน ตามที่สิบเอกณรงค์ชัยได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว แล้วก็พบว่าทั้งหมดมีความเป็นจริง ตามที่สิบเอกณรงค์ชัยพูด ปรากฎเอกสารตามที่สิบเอกณรงค์ชัยได้เอามายื่น เรื่องเบิกเงินเบี้ยเลี้ยง และการจัดอบรมยาเสพติด แล้วไม่ได้ดำเนินการจริงตามโครงการ... เป็นระดับนายพล 3 ท่าน เคสนึงก็หมื่นกว่าบาท เรื่องเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางนี่ 4 ครั้ง เรื่องอบรมนี่สองครั้ง เบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางนี่ประมาณ แสนกว่า อบรมประมาณแสนกว่า” พล.ต.บุรินทร์

ในการแถลงข่าวเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ตัว ส.อ.ณรงค์ชัย ได้กระทำผิดวินัยทหารด้วย โดยมีข้อพิพาทกับผู้บังคับบัญชา เรื่องความประพฤติและกระทำผิดวินัย โดยไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งขัด พ.ร.บ.วินัยทหาร มาตรา 2(5),2(7) โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2562 หน่วยงานต้นสังกัดจึงสั่งจำขัง ส.อ.ณรงค์ชัย 7 วัน ตั้งแต่ 18 - 24 มีนาคม 2563 แต่ ส.อ.ณรงค์ชัย หลบเลี่ยงนำไปสู่การถูกกล่าวหาว่า หนีราชการ อย่างไรก็ตาม ส.อ.ณรงค์ชัย อ้างว่า การถูกลงโทษเป็นการกลั่นแกล้ง ตนเองจึงจำเป็นต้องหนี

ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563 บนอินเทอร์เน็ต มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ พล.ต.อภิชาติ อาจสันเทียะ ผู้บังคับบัญชาการศูนย์ซ่อมสร้างกรมสรรพวุธทหารบก อบรม ส.อ.ณรงค์ชัย เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหาร

“ถ้าเอ็งอยากจะเจริญก้าวหน้า อยากอยู่ในอาชีพนี้ ก็ไปปรับปรุงตัว… การที่เราจะเถียงผู้บังคับบัญชา ทหารไม่ยอม แต่คิดว่าตัวเองไม่ผิด เขามีขั้นตอนการรายงานอยู่แล้ว… อย่าเอาความคิดแบบพลเรือน ร้องเรียน นั่นนี่ ไม่เกิดประโยชน์มันจะย้อนเข้าหาตัวเอง… เพราะฉะนั้นดูให้ดี คิดให้ดีผมบอกคุณไว้ซะก่อน ผมให้โอกาสคุณครั้งเดียว และผมไม่พอใจคุณมาก เพราะคุณทำลายหน่วยจริงๆ” พล.ต.อภิชาติ กล่าว

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ส.ส. ได้เปิดเผยว่า ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนการทุจริต และการถูกกลั่นแกล้งมาที่ คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่เมื่อคณะกรรมาธิการฯ ขอข้อมูลจากกองทัพบก กลับไม่ได้รับข้อมูลที่มากเพียงพอ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง