ตำรวจบุกรวบ 9 ผู้ต้องหา เอี่ยวคดีเงินทอนวัด
2018.08.01
กรุงเทพฯ

ในวันพุธนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ปฏิบัติการร่วมกับตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำกำลังเข้าค้นบ้านพักผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จำนวน 10 คน โดยสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด 9 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าจะนำตัวฝากขังในวันพรุ่งนี้
นับเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมอดีตข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และนักธุรกิจอีกหนึ่งราย ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาดังกล่าว มีพฤติกรรมร่วมกันทุจริตคดีเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด งบประมาณเผยแพร่พระพุทธศาสนาและงบอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมวัดหลายแห่ง มีความเสียหายรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ตำรวจกองปราบปรามได้จับพระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ไปแล้ว
พันตำรวจเอกวรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บังคับการ ปปป. ได้ขอให้ศาลอนุญาตหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัดจำนวน 10 คน ในงบประมาณ 3 ส่วน ได้แก่ งบปริยัติธรรม งบการศึกษาและงบบูรณะปฏิสังขรณ์ ซึ่งตำรวจกองปราบฯ ได้นำหมายศาลฯ บุกค้นบ้านพักผู้ต้องหารวมสิบคน และควบคุมตัวนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ และพวก รวม 9 คน เข้ามาสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม โดยมีข้อมูลว่า หนึ่งในสิบผู้ต้องหา คือ นางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน และยังไม่ได้กลับมา
“รายชื่อทั้งสิบคน มีอดีตข้าราชการสำนักพุทธฯ จำนวน 9 คน และประชาชน 1 คน เกี่ยวพันคดีทุจริตเงินทอนวัดล้อตที่หนึ่งถึงสาม โดยล้อตนี้ ไม่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง” พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการ ปปป. กล่าวกับผู้สื่อข่าว
รายชื่อที่ศาลฯ อนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายแก้ว ชิดตะขม อดีตผู้อำนวยการสำนักงานฯ จ.สมุทรสงคราม นางสาวประนอม คงพิกุล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานฯ จ.สิงห์บุรี นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานฯ ส่วนบูรณะพัฒนาวัด นายบุญเลิศ โสภา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานฯ จ.ลำปาง นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานฯ จ.นครปฐม นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร นักวิชาการศาสนา และนายเจษฎา วงศ์เมฆ นักธุรกิจ
พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองปราบฯ หัวหน้าชุดจับกุมนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี นักวิชาการสำนักงานฯ จ.นครปฐม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายพัฒนาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการเข้าขอตรวจค้นเป็นอย่างดี โดยพาเข้าไปค้นยังจุดต่างๆ ภายในบ้าน และสามารถยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ไอแพด 2 เครื่อง และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอีก 1 เครื่อง ซึ่งจะได้นำไปตรวจสอบขยายผล เพื่อหาความเกี่ยวข้องในคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายพัฒนา ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดในคดีที่ถูกจับกุมจะต้องหารือกับทนายความก่อน
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อดีตข้าราชการสำนักพุทธฯ ทั้งหมดที่ถูกศาลอาญาฯ ออกหมายจับและถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ในวันนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และข้อหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด
“การจับกุมวันนี้ เกี่ยวข้องกับวัดทั้งหมด 10 วัด รวมทั้งวัดเป้าหมายหลักที่เราเคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้... ที่ผ่านมา ประชาชนและสังคมมองดูว่าตำรวจเราจับแต่พระ ทั้งที่ต้นของเรื่องความจริงมาจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ เป็นคนผู้ดำเนินงานเรื่องจัดสรรงบประมาณ อยากเรียนว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่เราดำเนินการส่วนหนึ่งก่อนแล้ว” พล.ต.ต.ไมตรี ระบุ
ผู้ต้องหาทั้งหมดที่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามวันนี้ จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวไปขออำนาจฝากขังจากศาลในวันพรุ่งนี้
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ศาลได้ออกหมายจับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 7 รูป ในวัดที่กรุงเทพฯ คดียักยอกทรัพย์หรือฟอกเงิน ซึ่งต่อมาถูกจับสึกและนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ รวม 6 รูป เป็นพระจากวัดสำคัญในกรุงเทพฯ สามแห่ง คือ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสามพระยาวรวิหาร และวัดสัมพันธวงศาราม ส่วนผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ที่ยังหลบหนีไปได้หนึ่งราย