มือระเบิดรับก่อเหตุคนเดียว 6 ครั้ง ในปี 2550 และ 2560

อวิกา องค์รัตนะคณา และ นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2017.06.20
กรุงเทพฯ
TH-bomb-suspect-1000 นายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องหาวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ขณะร่วมแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 20 พ.ค. 2560
เบนาร์นิวส์

นายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดครั้งดังกล่าวด้วยตัวเองเพียงลำพัง เนื่องจากไม่พอใจการทำรัฐประหารของทหาร โดยทำมาแล้วถึง 6 ครั้ง ในช่วงปี 2550 ถึง ปี 2560

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรของบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันอังคารที่ 20 มิถุนายน 2560 นี้

นายวัฒนา กล่าวยอมรับว่า ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดทั้งในปี 2550 และ 2560 จำนวน 6 ครั้งเพียงคนเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมขบวนการ หรือรับเงินว่าจ้างจากผู้อื่นโดยการก่อเหตุแต่ละครั้งใช้งบประมาณ 50 บาท แต่ปฎิเสธว่าไม่ใช้ผู้เขียนจดหมายข่มขู่ตามที่เจ้าหน้าที่พบ 3 ฉบับก่อนหน้านี้

“เหตุการณ์เมื่อปี 2550 และปี 2560 มีแรงบันดาลใจเหมือนกันคือ ผมเป็นประชาชนซึ่งไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ-รัฐประหาร ซึ่งการปฏิวัติแต่ละครั้ง ทำให้ประเทศชาติประสบความหายนะ เศรษฐกิจ ตลอดจนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วไป ผมเองไม่เกลียดทหาร ผมรักทหาร แต่ผมไม่ชอบทหารบางท่านซึ่งใช้ประชาชนเป็นฐานในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ ในการเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล” นายวัฒนากล่าว

“ขออนุญาตขยายคำว่า ระเบิด เปลี่ยนเป็นประทัดยักษ์ ทุกครั้งผมพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบกับประชาชนคนธรรมดา ผมพยายามทำแต่เพียงเชิงสัญลักษณ์ ไม่ต้องการสร้างความปั่นป่วน เพียงต้องการส่งเสียงไปยังรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารว่า ประชาชนรากหญ้ามิได้ชื่นชมรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ” นายวัฒนากล่าวเพิ่มเติม

แต่เหตุวางระเบิดบริเวณหน้าห้องวงษ์สุวรรณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 1 ของโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2560 นั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน บางรายมีอาการสาหัส

นายวัฒนาระบุว่า ตนเองเสียใจและขอโทษต่อครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเชื่อว่า การกระทำของตนจะไม่มีผู้ลอกเลียนแบบ และหลังจากเหตุที่ตนเองก่อขึ้นในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนและทหารสามารถหันหน้าร่วมมือกันสร้างความสงบสุขได้

เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนายวัฒนาได้ในวันที่ 14 มิ.ย. 2560 หลังจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พยานแวดล้อม และหลักฐานจากที่เกิดเหตุ ทำให้เชื่อว่านายวัฒนาเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดจริง จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผล ทำให้ทราบว่า นายวัฒนา เป็นผู้วางระเบิดที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2560 และวางระเบิดที่หน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2560 อีกด้วย โดยลักษณะชิ้นส่วนวงจรระเบิดที่พบในจุดเกิดเหตุทั้ง 3 จุด มีความสอดคล้องกัน

นายวัฒนา ยังสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิด 3 ครั้ง ในวันที่ 9 เม.ย. 2550 บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ สาขารัชโยธิน ถนนพหลโยธิน วันที่ 8 พ.ค. 2550 ที่ปากซอยราชวิถี 24 และ 30 ก.ย. 2550 ที่ข้างกรมแผนที่ทหารบก ติดกับกองบัญชาการทหารบก ถนนราชดำเนิน

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า แม้นายวัฒนาจะระบุว่าก่อเหตุทั้งหมดเพียงคนเดียว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดการค้นหาผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น โดยระบุว่า จะเรียกบุคคลต้องสงสัยเพิ่ม หากมีหลักฐานมากเพียงพอ

“จริงๆ แล้ว เราไม่ได้ตัดประเด็นต่างๆ ออกเลย เราก็มีความพยายามให้ขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ หากมีใครเกี่ยวข้อง ก็ขอให้ดำเนินคดีต่อ แต่ ณ ปัจจุบัน ณ ขณะนี้ เราได้พูดคุยพอสมควรแล้ว คุณวัฒนาเองก็ยอมรับว่าตนได้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว

“การป้องกันลักษณะการกระทำคนเดียวค่อนข้างจะยากพอสมควร ถ้าสังเกตดูตั้งแต่ปี 2550 เรามาจับได้ปี 2560 นั่นคือ 10 ปีที่เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย เพราะฉะนั้นมาตรการต่อไปคือ กลับมาทบทวนการก่อเหตุลักษณะแบบนี้ ซึ่งในต่างชาติ การก่อการร้ายก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ เราก็คงต้องกลับมาทบทวนกันใหม่” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงมาตรการป้องกันการก่อเหตุในอนาคต

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง