คนร้ายระเบิดป่วนยะลา เจ็บ 8 ราย

มารียัม อัฮหมัด และ วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.08.20
ปัตตานี และกรุงเทพ
190820-TH-bomb-atm-800.jpg ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย หลังคนร้ายลอบวางระเบิด ที่บริเวณตลาดเทศบาลคอกช้าง ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา วันที่ 20 สิงหาคม 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในตอนค่ำของวันอังคารนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิด และเผายางรถยนต์ป่วนสถานการณ์ ในพื้นที่ห้าอำเภอของจังหวัดยะลา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวม 8 ราย โดยมีเด็กหญิงรวมอยู่ด้วย 3 ราย

เจ้าหน้าที่ในจังหวัดยะลากล่าวว่า เมื่อค่ำเวลา 19.10 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบระเบิดเสาไฟฟ้า บริเวณเลยมัสยิดกำปงนิบง เสาหักสองท่อน เกิดเหตุบริเวณ ม.7 ต.บุดี อ.เมือง ยะลา เป็นแห่งแรก หลังจากนั้น ในเวลาใกล้กัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าริมถนนสาย 4065 บ้านเจาะบือแน หมู่ที่ 1 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างเบื้องต้นแรงระเบิดทำให้เสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย 4 ต้น ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ทราบชื่อ คือ นายมุสเล็ม แงแวลี นางนุรียะห์ ยาลอ และนางไซนุลาตี อาลีโต๊ะมะ

ในพื้นที่เทศบาลตำบลคอกช้าง ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา คนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย ที่บริเวณตลาดเทศบาลคอกช้าง และที่บริเวณร้านขายของชำของนายประวิทย์ ตั้งสิริวรกุล (โก๋เหนียบ) บ้านเลขที่ 45 ถ.สุขยางค์ รวมสองจุด ในเบื้องต้นแรงระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งหมด 5 ราย ทราบชื่อ คือ ด.ญ.พรรณพิสุทธิ์ ศรีจันทร์ ด.ญ.ชนกาจน์ ศรีจันทร์ ด.ญ.แบม พลชนะ นายทวีศักดิ์ สิทธิโชควิวัฒน์ และ น.ส.ลำพูน เหล่าแก้ ซึ่งรายสุดท้าย โดนสะเก็ดระเบิดที่ขาจนกล้ามเนื้อฉีกขาด แต่อาการปลอดภัย

นอกจากนั้น คนร้ายยังลอบเผายางรถยนต์บริเวณสามแยกเข้าอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา และคนร้ายลอบวางระเบิดเผาเสาโทรศัพท์ พื้นที่ ม.3  ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เผายางรถยนต์บนถนน 410 ยะลา-เบตง หมู่ 4 บันนังกูแว ต.บันนังสตา และยังลอบวางระเบิดภายในการยางแห่งประเทศไทย สาขาบันนังสตา เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในจุดเหล่านี้

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ กล่าวเพียงว่า เป็นการสร้างสถานการณ์รายวันของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิด ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่มอีก 3 คน

ในวันอังคารนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 คน รวมเป็น 9 คนแล้ว ในขณะนี้

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมว่า ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม 3 คน ในข้อหาเป็นอั้งยี่, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์, กระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ทำ ใช้ มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดที่มีอายุความ 20 ปี และมีอัตราโทษสูง

“ขณะที่วันนี้ ศาลได้อนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 3 คน คือ นายอุสมัน ลาเตะ, นายฮาซัน อาแว และนายนัสรู มะประสิทธิ์ ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ที่ร่วมก่อเหตุ และผู้ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป” พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติม

นับตั้งแต่การวางระเบิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในระหว่างที่มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ในห้วงสัปดาห์ของวันที่ 1 สิงหาคมนี้ จนเกิดระเบิด 9 ครั้ง ในพื้นที่ 4 แห่ง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 9 คน จากผู้ร่วมก่อเหตุหลายคนในแต่ละพื้นที่เกิดเหตุ ได้แก่ นายลูไอ แซแง และนายวิลดัน มาหะ ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 2 ส.ค. และวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติหมายจับจำนวน 4 คนคือ นายอัสมี อาบูวะ, นายอุสมาน เปาะลอ, นายอุสมาน เปาะลอ และนายอัมรี มะมิง

เจ้าหน้าที่ด้านหน่วยงานความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนใต้รายหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง กล่าวว่า การระเบิดกรุงเทพ เป็นฝีมือของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (บีอาร์เอ็น) ที่มีความประสงค์ที่จะเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติ ในระหว่างที่มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศจากมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน รวมทั้งชาติมุสลิมอย่างตุรกี เข้าร่วมด้วย

ซึ่งหลังเกิดเหตุ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการวางระเบิดมีวัตถุประสงค์เพื่อป่วนการประชุมระดับนานาชาติดังกล่าว

ในวันนี้ รองโฆษกตำรวจเปิดเผยอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องที่ทำงานกันอย่างเต็มกำลังความสามารถและบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและเร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้ง ในส่วนของภาคประชาชนที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องและแจ้งข้อมูลเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง