เจ้าหน้าที่ไทยจับเมียนมา และชาวประมงเวียดนาม รวม 76 ราย

เจ้าหน้าที่นำบุคคลต่างด้าว มาทำบันทึกจับกุมที่ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย  ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป วันที่ 30 พฤษภาคม 2560
เจ้าหน้าที่นำบุคคลต่างด้าว มาทำบันทึกจับกุมที่ศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 (เบนาร์นิวส์)

ในวันอังคาร (30 พฤษภาคม 2560) นี้ เจ้าหน้าที่ในอำเภอหาดใหญ่ ควบคุมตัวชาวเมียนมาพร้อมด้วยนายหน้าแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 28 ราย ที่ลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และในขณะที่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ นราธิวาส สามารถจับกุมชาวเรือประมงเวียดนามได้ 48 คน รวมถึง เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่องค์กรเอกชน กล่าวว่า ยังมีการนำพาคนต่างด้าวผ่านชายแดนไทยอย่างต่อเนื่อง

ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่อำเภอหาดใหญ่ ฝ่ายความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัวชาวเมียนมาพร้อมด้วยนายหน้าแรงงาน จำนวน 28 ราย หลังพบว่าบุคคลทั้งหมดได้ลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โดยหลังการจับกุม มีนายหน้าแรงงานอีกกลุ่มหนึ่ง พยายามจะเสนอเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวชาวเมียนมาที่ถูกจับได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับและได้ทำการจับกุมนายหน้าแรงงานดังกล่าวด้วย

นายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นายอำเภอหาดใหญ่ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่ป่าละเมาะ ริมคลองหน้าสำนักสงฆ์คลองประตู ม.8 ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีบุคคลหน้าตาคล้ายชาวต่างชาติหลบซ่อนอยู่ในบริเวณดังกล่าวในชั้นต้นรวม 21 คน

“เจ้าหน้าที่ลงบันทึกการจับกุมก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ดำเนินคดี พร้อมได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา 1. รู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม 2.เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางและเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” นายทวีวุฒิ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

นายทวีวุฒิระบุว่า หลังจากจับกุม 21 คนแรกแล้ว ได้มีนายหน้าชาวพม่า เข้ามาต่อรองขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวคนทั้งหมดโดยแลกกับเงินสินบน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม และได้จับกุมทั้งสองคนอีกด้วยพร้อมแจ้งข้อหา ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่

“จากการสอบสวนเบื้องต้นหนึ่งในทั้งหมดให้การสารภาพว่า กำลังจะข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยการกระทำครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวปกติ ที่มีมานาน และทางเราก็ปราบปรามสกัดอย่างต่อเนื่อง” นายทวีวุฒิ ระบุ

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ได้มีการขยายผลจนสามารถควบคุมตัวชาวเมียนมาได้เพิ่มอีก 5 คน ทำให้ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่สามารถจับกุมคนได้ทั้งหมด 28 คน

ประเทศเมียนมา และบังกลาเทศ เป็นต้นทางหลักของชาวโรฮิงญาที่หลบหนีการทำร้ายของชาวเมียนมา และเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมสองปีก่อนหน้านี้ ได้พบศพชาวโรฮิงญากว่าสามสิบศพที่เทือกเขาแก้ว ในปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา นำไปสู่การเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ

นางสาวพุทธณี กางกั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรฟอร์ติไฟส์ไรท์ กล่าวว่า ในปีนี้ ยังมีผู้อพยพเดินทางมาจากพม่าและบังกลาเทศอย่างต่อเนื่อง

“เราพบคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งส่วนใหญ่มาจากเมียนมาโดยเป็นกลุ่มเล็ก ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพ บางคนเป็นมุสลิมจากพม่า ซึ่งน่าจะมีชาวโรฮิงญาด้วย เขามาตามเส้นทางการนำพาบุคคล และมีเรือขนาดเล็กเดินทางไปยังมาเลเซียโดยตรง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีต้นทางจากบังกลาเทศหรือพม่า” นางสาวพุทธณี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

นางสาวพุทธณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งผู้อพยพและเหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกช่วยเหลือได้ ในภูมิภาคนี้ ยังคงถูกละเมิดสิทธิต่อไป ซึ่งไม่ควรที่จะไปกักตัวพวกเขาเหล่านั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการปกป้องสิทธิของเขามากกว่าการดำเนินคดี

หลังจากการพบหลุมศพของผู้อพยพชาวโรฮิงญาลักลอบเข้าเมืองบนเทือกเขาแก้ว ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ใกล้พรมแดนไทย-มาเลเซีย กว่า 30 ศพ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การสืบสวนหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2558 พนักงานอัยการได้เริ่มฟ้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในความผิด 16 ข้อหา ในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา และการฟอกเงิน และได้ขยายผลดำเนินคดีจำเลยได้ 103 คน

โดยศาลอาญากรุงเทพเหนือจะตัดสินคดีค้ามนุษย์ ในวันที่19 กรกฎาคม 2560นี้ ซึ่งมีอดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา

จับกุมชาวเรือประมงเวียดนาม รวมเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี ล้ำน่านน้ำ

ขณะที่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ในจังหวัดนราธิวาส สามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามที่ลักลอบหาปลาในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมชาวเวียดนาม 48 ราย โดยในนั้นมีเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปีรวมอยู่ด้วย ซึ่งกฎหมายประมงไทยห้ามไม่ให้จ้างงานเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย

พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ ตาแก้ว สารวัตรตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำนราธิวาส เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเรือประมงไทยว่า มีเรือประมงเวียดนามเข้ามาลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทยโดยไม่รับอนุญาต จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม และยึดอุปกรณ์บนเรือทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

“รับแจ้งจากเรือประมงว่ามีกลุ่มเรือประมงสัญชาติเวียดนามลักลอบเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย ห่างจากชายฝั่งด้าน จังหวัดนราธิวาส ประมาณ 35 ไมล์ทะเล จึงได้นำกำลัง 15 นาย ขึ้นเรือตรวจการณ์หมายเลข 518 แล่นไปตรวจสอบตามพิกัดที่ได้รับแจ้ง พบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม 4 ลำ” พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ กล่าว

พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ตรวจสอบพบว่าเรือทั้งสี่ลำสวมทะเบียนทำการประมงชนิดอวนลากคู่ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน

พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้ยึดเรือประมง อุปกรณ์จับปลาอวนลาก วิทยุสื่อสาร เครื่องมือสัญญาณพิกัดดาวเทียม พร้อมผู้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน ณ สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ อ.เมืองนราธิวาส โดยพบว่า ลูกเรือ 6 ใน 48 คน ที่สามารถควบคุมตัวได้เป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี จึงส่งมอบเยาวชน 6 รายดังกล่าว ให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนราธิวาส เป็นผู้ดูแล

และนำตัวลูกเรือที่เหลือ 42 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะเดียวกันจะสอบขยายผลไปสู่เครือข่ายกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี การค้ามนุษย์ตามกฎหมายต่อไป

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ทหารเรือก็สามารถจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาทำประมงในน่านน้ำประเทศไทยได้ 6 ลำ พร้อมด้วยลูกเรือชาวเวียดนาม 20 ราย