ตำรวจดำเนินคดีสองคนไทยแชร์ข้อมูลเท็จว่า ไทยลดวีซ่า นทท.จีน
2018.10.22
กรุงเทพฯ
ในวันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำตัวผู้ต้องหาชาวไทยสองราย มาแจ้งความดำเนินคดี จากการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนว่า ทางการไทยได้ลดจำนวนการออกวีซ่าท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากกระดาษไม่เพียงพอ เพื่อหวังให้นักท่องเที่ยวหันไปทำ Visa On Arrival ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อีกรายละ 200-300 บาท
ในการแถลงข่าววันนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายณัฏฐาวุฒิ รายประเสริฐ อายุ 54 ปี เจ้าของบัญชีและเฟสบุ๊ค ชื่อ Nath Rps และ นางณภัสวรรณ เกียรติวิมล อายุ 41 ปี เจ้าของบัญชีเฟสบุ๊ค ชื่อ Tuknapat Kiatvimol ผู้แชร์คลิปเจ้าปัญหา มารับทราบข้อกล่าวหาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา14(5) มีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ โดยนายณัฏฐาวุฒิ ยอมรับว่าได้แชร์โพสต์ดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เจตนาทำให้ประเทศเสียหายมองว่าเป็นตลกร้าย
“ที่แชร์เพราะมองว่าเป็นตลกร้าย ต้องการถามว่าที่ลดการออกวีซ่า เพราะกระดาษไม่พอจริงหรือไม่ ไม่ได้คิดอะไรมาก... แต่ตอนนี้โพสต์แก้ไปให้แล้วว่าไม่จริง” นายณัฏฐาวุฒิ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คลิปต้นฉบับทางยูทูบนั้น มีชาวจีนคนหนึ่งทำขึ้นมาและโดนดำเนินคดีในประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว แต่นายชนินทร์ อุดมศรีรัตน์ เจ้าของบัญชียูทูบ Johny shoot2china กลับนำมาโพสต์ไว้เมื่อ 21 ธันวาคม 2560 และบุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ต่อ คลิปดังกล่าวอ้างว่านักท่องเที่ยวจีนลดลง หลังจากเหตุการณ์เรือฟินิกซ์ล่มที่เกาะภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมาที่ชาวจีนเสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย และกรณีที่เจ้าหน้าที่ รปภ.สนามบินดอนเมือง ตบหน้านักท่องเที่ยวชาวจีน เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อย่างเห็นได้ชัด
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจริง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ พอมีการแชร์ข้อมูลที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นคดีเก่า ชาวจีนเจ้าของคลิปที่ทำขึ้นมาถูกดำเนินคดีในประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว แต่นายชนินทร์ อุดมศรีรัตน์ เจ้าของบัญชียูทูบ Johny shoot2china กลับนำมาโพสต์ไว้เมื่อ 21 ธันวาคม 2560 จนนำมาซึ่งการแชร์ เผยแพร่ต่อ ซึ่งจะได้ขยายผลจับกุมนายชนินทร์ ในข้อหาเดียวกับผู้แชร์ทั้งสองที่ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดีในวันนี้” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ โดยสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เคยประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนไทยประมาณ 39 ล้านคน แต่ถึงวันนี้คาดว่าจะได้เพียง 37 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจำนวน 2 ล้านคนที่หายไปทั้งหมด เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน
นอกจากนี้ ล่าสุดมีการเผยแพร่และแชร์คลิปวิดีโอ ชื่อคลิป “เหตุผลที่ลดวีซ่านักท่องเที่ยวจีน...ฟังแล้วช๊อค” ซึ่งมีเนื้อหาว่าทางการไทยจะลดการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากโรงงานผลิตกระดาษทำวีซ่าผลิตได้ไม่เพียงพอ เพื่อหวังผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีน หันไปขอ Visa On Arrival ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย เป็นการทำให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทยหารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 200-300 บาทต่อราย ซึ่งเป็นข้อความที่บิดเบือน เนื่องจาก นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงก่อนหน้าแล้วว่า เป็นการปล่อยข่าวเท็จโดยบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ซึ่งถูกดำเนินคดีแล้ว และปัจจุบันทางการไทยไม่ได้มีปัญหาการออกวีซ่าให้กับนักท่องเทียวจีนแต่อย่างใด
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปจริง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ พอมีการแชร์ข้อมูลที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นคดีเก่า ชาวจีนเจ้าของคลิปที่ทำขึ้นมาถูกดำเนินคดีในประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว แต่นายชนินทร์ อุดมศรีรัตน์ เจ้าของบัญชียูทูป Johny shoot2china กลับนำมาโพสต์ไว้เมื่อ 21 ธันวาคม 2560 จนนำมาซึ่งการแชร์ เผยแพร่ต่อ ซึ่งจะได้ขยายผลจับกุมนายชนินทร์ ในข้อหาเดียวกับผู้แชร์ทั้งสองที่ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีในวันนี้” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาดังกล่าวแล้ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว ที่ผ่านมายังได้มีการหารือกับทางการจีนในการฟื้นฟูสภาพจิตใจของคนจีน หลังจากกรณีเรือล่มและกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกทำร้าย หรือการเรียกเก็บเงินส่วนต่างจากด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยทางการไทยและจีนพยายามจะลดเงื่อนไขของปัญหาดังกล่าว มีการตั้งหน่วยงานร่วมกันในการปราบปราบการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เช่น การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์คิกแบ๊คต่างๆ เป็นการยกระดับ สร้างความเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการบริการเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสองประเทศต่อไป
ด้านนายวิชาญ คนขับรถแท็กซี่ กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปมาก เพราะปกติเขาจะได้รับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่โบกรถจากตลาดนัดสวนจตุจักร ไปส่งตามสถานที่ต่างๆ เป็นประจำ แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขาไม่เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนบนท้องถนนเลย ซึ่งผิดปกติมาก
ขณะที่ผู้ค้าเสื้อผ้าย่านตลาดนัดสวนจตุจักรรายหนึ่ง กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนหายไป 20-30 เปอร์เซ็นต์ จากห้วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งกลุ่มชาวจีนจะใช้จ่ายง่ายและรวดเร็ว แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวจำนวนนี้หายไปจากตลาด