ศาลให้ประกันตัว 15 คนอยากเลือกตั้ง

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2018.05.24
กรุงเทพฯ
180524-TH-protesters-1000.jpg น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา และแกนนำกลุ่มคนเลือกตั้ง ถูกพาตัวมายังศาลอาญา ท่ามกลางมวลชนที่มารอต้อนรับ วันที่ 24 พฤษภาคม 2561
นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดีนี้ แกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 15 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวในวันครบรอบการรัฐประหารปีที่ 4 ได้รับการประกันตัวแล้ว ด้วยวงเงิน 1 แสนบาท และมีเงื่อนไขห้ามชุมนุมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดอันตราย ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ยืนยัน คนอยากเลือกตั้งไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และจะต่อสู้เรียกร้องจนกว่าจะมีเลือกตั้ง

นายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายปิยรัฐ จงเทพ, นายนิกร วิทยาพันธุ์, นายวิเศษณ์ สังขวิศิษฎ์, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายอานนท์ นำภา, นายเอกชัย หงส์กังวาน, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายพุทไธสิงห์ พิมพ์จันทร์, นายคีรี ขันทอง, นายประสงค์ วางวัน, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายภัทรพล จันทรโคตร และนายวิโรจน์ โตงามรักษ์ ถูกควบคุมตัวระหว่างกิจกรรมเดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งภายในปี 2561

ในวันนี้ ทั้งหมดถูกพาตัวมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง 12 วัน โดยศาลให้ฝากขัง ก่อนอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยวงเงิน 1 แสนบาท และห้ามชุมนุมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหาย

นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากได้รับการประกันตัวว่า การชุมนุมของคนอยากเลือกตั้งในวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2561 เป็นการชุมนุมที่สงบและสันติ และยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องการเลือกตั้งต่อไป

“ผมคิดว่า อารยประเทศบนโลกนี้ คงไม่มีประเทศไหนที่จะบอกว่า การออกมาเรียกร้องการเลือกตั้งผิดกฎหมาย คงมีแต่ประเทศที่ป่าเถื่อนเท่านั้นแหละที่บอกว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เรายืนยันว่า นี่ไม่ใช่วันสุดท้ายของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เราจะยังเห็นการเดินหน้าต่อไปจนกว่าประเทศไทยจะมีประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้ง” นายรังสิมันต์กล่าว

แกนนำและผู้ชุมนุมทั้ง 15 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาทำความผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น, มาตรา 215 มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้ กําลังประทุษร้าย หรือกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, มาตรา 216 ไม่เลิกมั่วสุม เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทําความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป, ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12 ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การจราจรทางบก มาตรา 108 ห้ามเดินแถวในลักษณะกีดขวางการจราจร และมาตรา 114 ตั้งสิ่งกีดขวางทางจราจร

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ขั้นตอนต่อไปคณะทนายความจะได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งฝากขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“วันนี้ ศาลได้ให้ประกันตัวกลุ่มคนอยากเลือกตั้งทั้งหมด โดยกำหนดวงเงิน 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขคือ ห้ามผู้ต้องหาชุมนุมทางการเมืองอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายแก่สาธารณชน ไม่ได้ห้ามการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการห้ามชุมนุมทางการเมืองที่ละเมิดต่อกฎหมาย ข้อสำคัญเป็นภยันตรายต่อประชาชน และนัดอีกที 12 วันข้างหน้าเพื่อมารายงานตัว ต่อไปเราจะอุทธรณ์คำสั่งฝากขัง” นายกฤษฎางค์กล่าว

ก่อนหน้านี้ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเคยจัดชุมนุมมาแล้วหลายครั้ง ในหลายพื้นที่ เช่น บนทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน หรือกองบัญชาการทหารบก โดยเริ่มชุมนุมมาตั้งแต่เดือมกุมภาพันธ์ 2561 และทำให้มีแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดี ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่น กฎหมายอาญามาตรา 116 และ ความผิดใน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ

ทางกลุ่มได้เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ และยุติการแทรกของทหารเข้ามาในการเมือง

องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล เช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์ รวมถึงกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ยุติการตั้งข้อกล่าวหากลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โดยองค์กรต่างประเทศระบุว่า รัฐบาลไทยควรยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาปกป้องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

“ก็เขาทำผิดกฎหมายหรือเปล่าล่ะ ก็ผิดกฎหมายอ่ะ เราให้ชุมนุมแล้ว ให้ชุมนุมอยู่กับที่ เคลื่อนที่ก็ต้องจับ ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เรื่องของศาล นี่ชี้แจงแล้ว” พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อสื่อมวลชนในวันพฤหัสบดีนี้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง